เปิด ปิด การใช้งานคุกกี้ของ ทรูฮิต (Truehits Cookies)



ครป.จี้ปฎิรูปตร.ยุติซ้อมทรมานทันที! ยกเคสผกก.โจ้ถุงคลุมหัวเป็นแบบที่ไม่ดี


1 ก.ย. 2564, 16:28



ครป.จี้ปฎิรูปตร.ยุติซ้อมทรมานทันที! ยกเคสผกก.โจ้ถุงคลุมหัวเป็นแบบที่ไม่ดี




เมื่อวันที่ 1ก.ย.64 ที่อนุสรณ์สถาน 14 ตุลา ถ.ราชดำเนิน ครป.และองค์กรสิทธิมนุษยชนจัดแถลงข่าวข้อกังขา คดี ผกก.โจ้ และข้อเสนอปฏิรูปตำรรวจทันที เพื่อยุติวัฒนธรรมซ้อมทรมานในการสืบสวน-สอบสวนของตำรวจนอกรีต



นายเมธา มาสขาว เลขาธิการคณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย (ครป.) กล่าวว่า คดี ผกก.โจ้ เกี่ยวพันกับปัญหาในกระบวนการยุติธรรมที่มีปัญหาเรืื้อรังที่ต้องถูกชำแหละปัญหาแก้ข้อกังขาแก่ประชาชน และปฏิรูปกระบวนการยุติธรรมทั้งระบบ ตั้งแต่ต้นธาร ก่อนมาสู่มืออัยการ-ศาล ความเป็นธรรมจึงจะเกิดแก่ประชาชน ตำรวจจะต้องไม่ช่วยเหลือกัน เพราะถ้ามีตำรวจไม่ดี 10 คนแต่ตำรวจดีอีก 90 คนในระบบนิ่งเฉยก็จะทำให้เท่ากับมีตำรวจไม่ดีกลายเป็น 100 คนไปด้วย ตนต้องขอบคุณและชื่นชมตำรวจที่กล้าเอาคลิปมาเผยแพร่ให้เห็น


ดังนั้น การกระทำความผิดในระดับ ผกก.นั้นต้องทำเป็นคดีตัวอย่าง คดีนี้ยังเกี่ยวพันไปยังระบบอามิสสินจ้าง รางวัลนำจับ ช่องว่างในการใช้อำนาจตามกฎหมายหาผลประโยชน์กรณีซื้อขายรถหรูนอกระบบตลาด รวมถึงระบบส่วยและการรีดไถในวงการสืบสวนและสอบสวนของตำรวจที่ขาดการตรวจสอบ จนแต่ละสน.มีห้องเชือดเต็มไปหมด ผกก.สถานีมีอำนาจปกครองอาณาจักรตนเองแต่ละแห่ง และมักจะไม่มีกล้องวงจรปิดในห้องสอบสวนเพื่อตรวจสอบได้ โดยขอสรุปข้อกังขาในคดีและข้อเสนอเพื่อปฏิรูปตำรวจ 10 ข้อ ดังนี้

1.การให้ผู้ต้องหาแถลงข่าวและแก้ตัวกับสาธารณะ ฟังความจำเลยทั้งๆ ที่ยังไม่ได้ฟังความฝ่ายโจทย์ที่จะต้องหาพยานหลักฐานให้เพียงพอ สะท้อนระบบอุปถัมภ์ของวัฒนธรรมตำรวจ

2.คดี ผกก.โจ้ คือการเปิดแผลวัฒนธรรมตำรวจนอกรีตในการสืบสวน-สอบสวนผู้ต้องหาโดยใช้การซ้อม-ทรมาน ซึ่งกฎหมายไม่อนุญาตให้กระทำได้ ข้ออ้างของ ผกก.โจ้ ในการใช้ระบบการสืบสวนและสอบสวนนอกกฎหมาย ใช้ถุงดำคลุมหัวเพราะกลัวจำหน้าได้นั้นฟังไม่ขึ้น เป็นวิธีการทรมานเพื่อไม่อยากทิ้งร่องรอยมากกว่า วิธีการทรมานแบบนี้เป็นอาชญากรรม ผิดทั้งกฎหมายในประเทศ และต่างประเทศ ศาลฎีกา 5332/2560 เคยพิพากษาเรื่องนี้มาแล้วมามีความผิดและมีเจตนาฆ่าอย่างชัดเจน กระบวนการสอบสวนทำสำนวนของตำรวจจึงต้องไม่ช่วยเหลือกันเพื่อให้พ้นผิดตามวัฒนธรรมการไม่รับผิดของตำรวจ ซึ่งเคยเกิดขึ้นในอดีตไม่ว่าจะเป็นคดีการอุ้มฆ่าเยาวชนในจังหวัดกาฬสินธ์ การอุ้มฆ่าทนายสมชาย นีละไพจิตร และเหยื่อศาลเตี้ยก่อนการเข้าถึงกระบวนการยุติธรรมอีกมากมาย โดยเฉพาะกับคดีคนจน นอกจากนี้ ยังไม่มีการแจ้งข้อหาเกี่ยวกับการทำลายและเคลื่อนย้ายศพ จากคลิป เป็นการตายในการควบคุมของเจ้าพนักงาน เจ้าพนักงานต้องชันสูตรพลิกศพโดยอัยการฝ่ายปกครอง ซึ่งต้องทำสำนวน โดยอัยการต้องเป็นหัวหน้าพนักงานสอบสวน แต่กรณีนี้ไม่มีการทำ

3.เหตุการณ์นี้ บทสะท้อนวัฒนธรรมตำรวจที่ต้องแก้ไขปัญหาที่เรื้อรังมานาน เป็นระบอบอำนาจนิยมในการบังคับใช้กฎหมาย และลอยนวลพ้นผิดตลอด ทำให้ ทุกสน.มีห้องเชือด กระบวนการสอบสวนสืบสวนต่อไปต้องติดกล้องวงจรปิดดูได้จากส่วนกลาง การสอบสวนต้องเห็นหน้าพนักงานสอบสวน สำหรับคนที่ไม่อยากให้เห็นหน้ามีห้องกระจกเหมือนในต่างประเทศ

4.การเติบโตของ ผกก.โจ้ เกิดจากระบบเส้นสายและการวิ่งเต้นซื้อขายตำแหน่งหรือไม่? เพราะบรรจุครั้งแรก ปี 2547 ที่สภ.โคกเทียน จ.นราธิวาส พื้นที่ที่ใช้อำนาจพิเศษ ก่อนจะมาเป็นตร.ปราบปรามยาเสพติดในพื้นที่ภาคใต้อีกกว่า 12 ปี ทำไมถึงเติบโตเร็วมาก

5.ข้อครหาการจับกุมและนำรถหรูส่งให้กับกรมศุลกากรขายทอดตลาด รวมทั้งสิ้นกว่า 368 คัน ตั้งแต่ปี 54 จนถึงปัจจุบัน โดยมีเงินรางวัลนำจับกว่า 400 ล้านบาทนั้นจะต้องมีการตรวจสอบ การใช้ช่องว่างทางกฎหมายเอื้อผลประโยชน์ส่วนตน จนเกิดระบบเครือข่ายขึ้นในระบบคอร์รัปชั่นเงินแผ่นดิน หลายหน่วยงานจะต้องถูกตรวจสอบ และทำให้ระบบรางวัลนำจับสั่นคลอน ต้องยกเลิกรางวัลนำจับที่มีช่องว่างแบบนี้ เช่นเดียวกับค่าปรับจราจร มีช่องว่างในการหาประโยชน์ จนถูกครหาว่าร่ำรวยผิดปกติ ควรมีการแจ้งบัญชีทรัพย์สินต่อ ป.ป.ช. ตั้งแต่ชั้น พ.ต.อ.หรือ ผกก.ขึ้นไป

6.ระบบส่วยในโรงพัก การหายอดประจพเดือนจากอำนาจบังคับใช้กฎหมาย ไม่มีการตรวจสอบข้ามหน่วยงานอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้ระบบส่วยและการหาผลประโยชน์ฝังรากลึก

7.ต้องแยกอำนาจสอบสวนออกจากตำรวจ เพราะเกิดการแทรกแซงคดีจากผู้บังคับบัญชาที่ไม่ค่อยมีประเทศไหนเหมือนไทย เกิดการเรียกรับผลประโยชน์ รีดไถผู้ต้องหาเกิดขึ้น

8.ผบ.ตร.จะต้องทำคดีนี้ให้เป็นคดีตัวอย่าง เพื่อปฏิรูปตำรวจทั้งระบบ เป็นตัวอย่างให้นายตำรวจกว่า 2 แสนนาย โดยเฉพาะนายตำรวจชั้นผู้น้อยที่ต้องคอยรับใช้นาย แต่สวัสดิภาพตำรวจชั้นผู้น้อยไม่ได้ดีขึ้นเลย

9.นายกรัฐมนตรีต้องมีความรับผิด เพราะไม่ยอมปฏิรูปตำรวจตามรัฐธรรมนูญมาตรา 258-261 ต้อ รื้อกระบวนการยุติธรรมทั้งระบบ นายกรัฐมนตรีซึ่งเป็นประธาน กตร. กตช. ต้องรับผิดชอบด้วยการลาออก เพราะพยายามสร้างรัฐตำรวจให้รับใช้ทหาร

10.ข้อเสนอปฏิรูปตำรวจทั้งระบบนั้น จำเป็นต้องเลิกระบบชั้นยศแบบกองทัพ เลิกระบบส่วยในท้องที่ซึ่งจะทำการวิ่งเต้นซื้อขายตำแหน่งก็จะไม่มี เพราะไม่มีผลประโยชน์ และถ้ามีให้กำหนดโทษให้หนักกว่าประชาชนทั่วไป เนื่องจากเป็นผู้มีอำนาจและใช้อำนาจโดยมิชอบ






Recommend News






MOST POPULAR


























©2018 ONBNEWS. All rights reserved.