"สาวสองร่างใหญ่" หัวร้อน! วีนแตกใส่ จนท. ด่านตรวจ หลังถูกเตือนให้ใส่แมสก์
2 ก.ย. 2564, 11:19
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายธรรศ ศรีดุษฎี ปลัดอำเภอ หัวหน้าชุดเคลื่อนที่เร็วปกครองจังหวัดสุพรรณบุรี นายทรงวุฒิ เพ็งพันธุ์ จ่ากองร้อย บก.บร.บก.อส นำกำลัง อาสาสมัครรักษาดินแดน กำลัง อส.ร่วมกับเจ้าหน้าที่กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัดสุพรรณบุรี เจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการพิเศษกองกำกับการสืบสวนภูธรจังหวัดสุพรรณบุรี ออกปฏิบัติการลาดตระเวนป้องกันปราบปรามแก้ไขปัญหายาเสพติดและอาชญากรรมในพื้นที่จังหวัดสุพรรณบุรี พร้อมตั้งจุดตรวจจุดสกัดเพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยป้องกันผู้ที่ฝ่าฝืนเคอร์ฟิว ป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด19 และกวดขันจับกุมผู้กระทำผิดกฎหมาย ตามนโยบายของนายณัฐภัทร สุวรรณประทีป ผู้ว่าราชการจังหวัดสุพรรณบุรี โดยตั้งจุดตรวจที่บริเวณสามแยกไฟแดงโพธิ์พระยา - ศรีประจันต์สายเก่า ตำบลโพธิ์พระยา อำเภอเมืองสุพรรณบุรี
ในระหว่างที่เจ้าหน้าที่ตั้งจุดตรวจนั้นเป็นช่วงใกล้เวลาเคอร์ฟิว มีประชาชนทั้งที่กลับจากการทำงานในตัวเมืองสุพรรณบุรี และพื้นที่ใกล้เคียงรวมทั้งเกษตรกรชาวไร่ชาวนาพากันขับขี่รถยนต์จักรยานยนต์กลับบ้าน เมื่อเจอด่านตรวจส่วนมากต่างก็ให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ประจำจุดตรวจเป็นเป็นอย่างดีแต่ระหว่างที่เจ้าหน้าที่กำลังปฏิบัติหน้าที่อยู่นั้นได้มีรถเก๋งสีขาวยี่ห้อมาสด้า ขับมาด้วยความเร็วเจ้าหน้าที่จึงส่งสัญญาณให้รถหยุดเข้าจอดข้างทางเพื่อขอตรวจค้นตามปกติ แต่คนขับซึ่งเป็นสาวสองร่างใหญ่ได้เปิดกระจกประตูลงแต่ไม่สวมแมสก์เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงบอกให้ใส่แมสก์เพื่อจะขอทำการตรวจค้นแต่คนขับกลับแสดงอาการไม่พอใจใส่เจ้าหน้าที่ประจำจุดตรวจด้วยการตะโกนเสียงดังว่าจะใส่ทำไม กูอยู่ในรถ จะตรวจหาอะไรอีก10นาทีจะสามทุ่มจะตรวจอะไรก็มาตรวจจะรีบกลับบ้านเมื่อเจ้าหน้าที่บอกว่าทำไมต้องดุตำรวจตอบกลับว่าไม่ได้ดุแต่ไม่ชอบรำคาญ พร้อมกับจ้องมองเจ้าหน้าที่ด้วยสายตาที่ดุดันปานจะกินเลือดกินเนื้อของเจ้าหน้าที่
เจ้าหน้าที่พยายามใจเย็นอธิบายให้ฟังว่าเจ้าหน้าที่ทำตามหน้าที่แต่สาวสอง ยังตะโกนใส่อีกด้วยถ้อยคำที่ไม่สุภาพก่อนจะเข้าไปนั่งในรถเจ้าหน้าที่บอกว่ายังไม่ได้ตรวจ สาวสองตะโกนออกมาใส่เจ้าหน้าที่ว่าจะตรวจหาอะไรก็รีบตรวจ ซึ่งระหว่างนั้นเจ้าหน้าที่กำลังตรวจอยู่พร้อมบอกให้สาวสองใจเย็นๆแต่สาวสองก็ยังไม่ยอมกล่าวหาว่าเจ้าหน้าที่เบ่ง หาว่าตนไม่ใส่แมสก์ แต่ใช้ถ้อยคำว่ากูลงมากูก็ใส่แมสก์นี่ไง แต่ใส่ใต้คาง สาวสองหัวร้อน รายนี้ยังตะคอกใส่เจ้าหน้าที่อีกว่าสักแต่จะด่าทั้งที่เจ้าหน้าที่ทุกคนยังไม่มีใครว่าอะไรซักคำมีแต่บอกให้ใจเย็น และถามสาวสอง ว่าการที่เจ้าหน้าที่บอกให้ใส่แมสก์เป็นการด่าตรงไหนสาวสอง สวนกลับมาว่าถ้ามีความรู้ จะรู้ว่าบริบทคืออะไร ไม่อยากจะพูด แต่บอกเจ้าหน้าที่ว่าไม่ได้ด่าคุณนะ เมื่อเจ้าหน้าที่ตรวจแล้วไม่พบสิ่งของผิดกฎหมายจึงอนุญาตให้กลับแต่ก่อนจะขับรถออกไปบอกให้เจ้าหน้าที่จำทะเบียนรถไว้ด้วย เจ้าหน้าที่ถามกลับว่าจำทะเบียนทำไม สาวสอง สวนกลับทันทีว่า กูด่าเก่ง ก่อนจะขับรถออกไปอย่างรวดเร็วจนน่ากลัวว่าจะเกิดอุบัติเหตุขึ้น
หลังจากนั้น เจ้าหน้าที่ได้ปฏิบัติหน้าที่ต่อจนดึกได้มีวัยรุ่นอายุตั้งแต่ 17-50 ปีมีทั้งหญิงและชายและสาวทอมขับขี่รถจักรยานยนต์ผ่านมาเจ้าหน้าที่จึงเรียกตรวจค้นไม่พบสิ่งของผิดกฎหมายแต่เมื่อตรวจปัสสาวะพบมีสารเสพติดในร่างกาย และสุดท้ายได้มีสามีภรรยา ขี่รถจักรยานยนต์พ่วงข้างบรรทุกของเก่าเต็มคันผ่านมาจึงเรียกตรวจ พบยาบ้า 10 เม็ดอยู่ในซองพลาสติกซ่อนอยู่ในสมุดพับและอีก1เม็ดซ่อนอยู่ในลำกล้องปืนบีบีกัน เมื่อตรวจปัสสาวะคนเป็นสามีพบว่าเป็นสีม่วงส่วนภรรยาตรวจแล้วไม่พบ เจ้าหน้าที่จึงบันทึกทำประวัติวัยรุ่นและผู้ที่เสพยาเสพติดทั้งหมดนับ 10รายไว้เป็นหลักฐานเพื่อนำเข้าสู่กระบวนบำบัดรักษาตามขั้นตอนส่วนชายเก็บของเก่าที่ตรวจพบยาบ้า 11 เม็ด ก็จะดำเนินการตมขั้นตอนกฎหมายแต่ก่อนที่จะปล่อยตัวทั้งหมดกลับบ้านสิ่งที่ขาดไม่ได้คือการให้วิดพื้นและทำสก๊อตจั๊ม เป็นการทำโทษเบื้องต้นและปลัดอำเภอได้ว่ากล่าวตักเตือนให้ข้อคิดกับทกคนให้ปฏิบัติตัวอยู่ในกฎระเบียบของกฎหมายและปฏิบัติตามมาตรการของกระทรวงสาธารณสุขอย่างเคร่งครัดเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด 19