"บิ๊กตู่" แจงระวังคำพูดด้อยค่าวัคซีน เสี่ยงกระทบสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ทำการนำเข้าชะงัก
2 ก.ย. 2564, 15:41
วันนี้ ( 2 ก.ย.64 ) ณ ห้องประชุมสภาผู้แทนราษฎร ชั้น 2 อาคารรัฐสภา พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมชี้แจงสภาพถึงกรณีการควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 โดยระบุว่า ตั้งแต่การระบาดของโควิด-19ระลอกแรก โดยมาตรการภาพรวมคือ อยู่บ้าน หยุดเชื้อ เพื่อชาติ และมาตรการส่วนบุคคลคือ สวมหน้ากากอนามัย เว้ยระยะห่าง ซึ่งผลการดำเนินการในช่วงแรกสามารถควบคุมการแพร่เชื้อจากต่างประเทศและควบคุมการระบาดในประเทศได้ ใช้เวลาประมาณ 70 วัน ถัดมาในระลอกที่ 2 ใช้เวลา 3 เดือน โดยใช้มาตรการการ Bubble and Seal คุมการระบาดในพื้นที่ พร้อมกับมีการกระจายอำนาจให้คณะกรรมการควบคุมโรคติดต่อจังหวัดพิจารณามาตรการเพิ่มเติม นอกจากนี้ยังเพิ่มการตรวจหาเชื้อเชิงรุก สอบสวนโรค รวมถึงการจัดตั้ง โรงพยาบาลสนาม ทำให้สามารถควบคุมการระบาดได้ในเวลาราว 80 วัน และช่วงเดือน พฤษภาคม มีความจำเป็นต้องปรับกลยุทธ์ เพื่อให้รับมือไวรัสกลายพันธุ์เดลตาได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเริ่มพบการระบาดในไทยกลางเดือนกรกฎาคม นอกจากนี้มีการแบ่งระดับความรุนแรงของการแพร่ระบาด และล็อกดาวน์พื้นที่สีแดงเข้ม มีหลายคนในสภาฯ พูดว่าการล็อกดาวน์ไม่ได้ผล มีการแพร่ระบาดไปในจังหวัดภูมิลำเนา ยืนยันว่า มีการตรวจสอบ คัดกรองและกักตัว ยืนยันไม่ได้ปล่อยปละละเลยตามที่มีการกล่าวอ้าง
นายกรัฐมนตรี ระบุอีกว่า ในส่วนเรื่องวัคซีน กรณีมีการตั้งข้อสังเกตเรื่องจำนวนนั้น ในเรื่องตลาดวัคซีนเป็นเรื่องของผู้ขาย ไม่ใช่ของผู้ซื้อ ฉะนั้นต้องระวังการพูดจาด้อยค่า เพราะอาจกระทบความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ หากสุดท้ายประเทศเขาไม่ส่งมาจะทำอย่างไร ที่ผ่านมาเราก็ฉีดวัคซีนที่ท่านด้อยค่ามาเป็นจำนวนมาก ก็ลดอัตราการป่วยการตายไปมาก หลายคนในสภาฯ ก็ฉีด ข้างนอกก็ฉีดเยอะแยะ วันนี้ก็ฉีดไป 30 กว่าล้านคนแล้ว รัฐบาลพยายามทำทุกวิถีทางในการติดต่อกับผู้นำประเทศผู้ผลิตวัคซีน และผู้บริหารบริษัทผลิตวัคซีน เพื่อให้มีการร่วมมือกันในเรื่องการจัดซื้อ จัดหา รวมถึงแลกเปลี่ยนวัคซีนด้วย
ประเทศไทยโชคดีที่ได้รับเลือกเป็นฐานการผลิตวัคซีนแอสตราเซเนกา เพื่อกระจายในตลาดกลุ่มประเทศอาเซียน แม้วันนี้อาจจะยังผลิตได้น้อย แต่เราก็ได้รับการถ่ายทอดเทคโนโลยี และสามารถนำมาพัฒนาต่อยอดได้ในอนาคต ส่วนการเลือกตัดสินใจว่าจะให้ใครผลิต เป็นการตัดสินใจของบริษัท ไม่ใช่รัฐบาล ส่วนการที่รัฐบาลเลือกเจรจาซื้อวัคซีนโดยตรงจากแอสตราเซเนกา เพื่อใช้เป็นวัคซีนหลักในประเทศ และเสริมด้วยซิโนแวค ซึ่งในบางครั้งที่มีราคาสูงก็ขึ้นอยู่กับผู้ขาย ส่วนที่ในสภาฯ มีการกล่าวอ้างจำนวนเท่านั้นเท่านี้ดอลลาร์นั้น เป็นการอนุมัติในกรอบวงเงิน ส่วนเขาจะขายเท่าไหร่ ลดราคาเท่าไหร่ ก็เบิกงบประมาณมาเท่านั้น รัฐบาลไม่ได้เอาเงิน 17 ดอลลาร์ให้กับกระทรวงสาธารณสุข ผมย้ำตรงนี้ ทุกอย่างเป็นอย่างนี้หมด ถ้าท่านเอาทุกอย่างมาประมวลรวมมั่วไปหมด มันทำให้เกิดความเข้าใจผิด
ที่มา : ThaiPBS