เจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวนเมืองพิษณุโลก จับกุมหนุ่มเมืองตรัง หลังก่อเหตุทำทีซื้อของในร้านสะดวกซื้อ แต่กลับขโมยแบตเตอรี่สำรองโทรศัพท์มือถือ และหูฟัง ย่านปั๊มน้ำมัน ปตท.วัดธรรมจักร กล้องวงจรปิดจับภาพไว้ได้ ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจติดตามกล้องตามเส้นทางก่อเหตุ สามารถจับกุมตัวได้ภายใน 2 ชั่วโมง

โดยเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อช่วงเที่ยงของวันที่ 3 ก.ย. ที่ผ่านมา กล้องวงจรปิดจับภาพคนร้ายที่ทำทีมาซื้อของภายในร้านสะดวกซื้อ ภายในปั๊มน้ำมัน ปตท.วัดธรรมจักร แล้วหยิบแบตเตอรี่สำรองโทรศัพท์มือถือ และหูฟังบลูทูธ ใส่เสื้อคลุมสีดำ แล้วจ่ายแค่ค่าเครื่องดื่ม 1 ขวด แล้วออกไปจากร้าน ก่อนจะขี่รถจักรยานยนต์ยี่ห้อยามาฮ่า รุ่นแอร์ลอกซ์ สีดำ-เหลือง หลบหนีไป แต่เมื่อพนักงานไปตรวจสอบสินค้าก็พบว่ามีสินค้าดังกล่าวหายไปจากชั้นวางจึงได้ตรวจสอบกล้องวงจรปิด ก็พบว่าชายดังกล่าวได้ลักไป จึงได้รีบแจ้งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทันที

 

ต่อมา พ.ต.อ.ภาคภูมิ ปราบศรีภูมิ ผกก.สภ.เมืองพิษณุโลก สั่งการให้ พ.ต.ท.กิตติศักดิ์ บุญเยี่ยม รอง ผกก.สส.สภ.เมืองพิษณุโลก พ.ต.ท.อรรถวิทย์ สุขทัศน์ สว.สส.สภ.เมืองพิษณุโลก ร.ต.อ.ปิยวัฒน์ รู้คุณ รอง สว.สส.สภ.เมืองพิษณุโลก พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.เมืองพิษณุโลก เร่งดำเนินการหาตัวคนร้ายมาดำเนินคดีโดยเร็วที่สุด โดยเบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบกล้องวงจรปิดไปเส้นทางต่างที่จับภาพคนร้าย ซึ่งเป็นชายวัยประมาณ 35-40 ปี เป็นผู้ก่อเหตุ หลบหนีไปทิศทางมุ่งหน้าบ้านเต็งหนาม ต.หัวรอ อ.เมือง จ.พิษณุโลก พร้อมกับตรวจสอบป้ายทะเบียนรถว่าเป็นของผู้ใด

จนกระทั่งสามารถจับกุมตัวนายธีรวัฒน์ อายุ 40 ปี ชาว จว.ตรัง ได้ที่บ้านเช่า ม.2 ต.หัวรอ อ.เมืองพิษณุโลก จว.พิษณุโลก พร้อมของกลาง รถจักรยานยนต์ที่ใช้ในการก่อเหตุ และแบตเตอรี่สำรองโทรศัพท์มือถือ ยี่ห้ออีซี่แอนด์เพอเฟคต์ สีดำ จำนวน 1 เครื่อง พร้อม หูฟังบลูทูธ ยี่ห้ออาซากิ สีดำ จำนวน 1 อัน ที่ลักจากร้านสะดวกซื้อไป โดยเจ้าตัวรับสารภาพว่า ไม่มีเงินซื้อแบตเตอรี่สำรองมาใช้กับโทรศัพท์ตนเอง จึงได้ลงมือลักทรัพย์ดังกล่าว โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนได้ส่งตัว ให้กับพนักงานสอบสวน สภ.เมืองพิษณุโลก เพื่อดำเนินคดีในข้อหา “ลักทรัพย์โดยใช้ยานพาหนะโดยสะดวกแก่การกระทำผิดหรือการพาทรัพย์นั้นไปหรือให้พ้นการจับกุม หรือรับของโจร”

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คดีนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.เมืองพิษณุโลก ได้สืบสวนติดตามจับกุมตัวผู้ต้องหา พร้อมด้วยของกลาง ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมงหลังจากที่ได้รับแจ้งเหตุ โดยได้ตรวจสอบกล้องวงจรปิดของทางราชการที่ติดตั้งในทางร่วม ทางแยก รวมถึงจุดเสี่ยงในพื้นที่ นำมาสู่การจับกุมผู้ต้องหาได้อย่างรวดเร็วในครั้งนี้ เป็นการสร้างความเชื่อมั่นแก่น้องประชาชนในการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ในการรักษาความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินในอำเภอเมืองพิษณุโลก