"หอการค้าไทย " เสนอ ! ก.แรงงาน ขยายเวลาลดส่งเงินสมทบ "ผู้ประกันตน" ต่ออีก 3 เดือน
6 ก.ย. 2564, 16:15
เมื่อวันที่ 6 กันยายน 2564 นายพจน์ อร่ามวัฒนานนท์ รองประธานกรรมการหอการค้าไทย และประธานคณะกรรมการแรงงานและพัฒนาฝีมือแรงงาน เปิดเผยว่า ตามที่คณะรัฐมนตรีมีมาตรการแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิด-19 และมีมาตรการเยียวยา ดูแลประชาชนกลุ่มภาคแรงงาน ผู้ประกอบการ และภาคธุรกิจอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ประเทศไทยสามารถกลับมาฟื้นฟูและเปิดประเทศได้โดยเร็วนั้น
หอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทยยังได้รับข้อร้องเรียนจากสมาชิกอย่างต่อเนื่อง ถึงสภาพปัญหาการดำเนินธุรกิจในสถานการณ์การแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิด-19 ส่งผลต่อการประกอบธุรกิจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งภาคธุรกิจที่ต้องพึ่งพากำลังแรงงาน ซึ่งเป็นหลักสำคัญในการขับเคลื่อนธุรกิจและเศรษฐกิจ โดยได้มีหนังสือข้อเสนอเป็นการเร่งด่วนไปยังนายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เพื่อให้สำนักงานประกันสังคม กระทรวงแรงงาน ได้ขยายมาตรการช่วยเหลือการหักเงินสมทบประกันสังคมต่อไปอีก 3 เดือน (กันยายน-พฤศจิกายน 2564) หรือจนกว่าสถานการณ์โควิด-19 จะดีขึ้น เพื่อรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจของประเทศไทยและประคองการดำเนินธุรกิจของผู้ประกอบการในสถานการณ์การแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิด-19
สุดท้ายนี้ คณะกรรมการบริหารหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ขอขอบคุณคณะรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน และผู้บริหารกระทรวงแรงงาน ที่ได้นำข้อเสนอของหอการค้าไทย เรื่องมาตรการด้านแรงงานในสถานการณ์โควิด-19 ที่ได้นำเสนอต่อกระทรวงแรงงาน โดยได้ออกเป็นมาตรการที่สำคัญ ได้แก่
1.มาตรการเชิงรุกในการตรวจคัดกรองความเสี่ยงแรงงานทั้งคนไทยและต่างด้าว
2.มาตรการเร่งรัดจัดสรรวัคซีนป้องกันโควิด-19 ให้กับผู้ประกันตน
3.มาตรการเยียวยาผู้ประกันตนและนายจ้างได้รับความช่วยเหลือในพื้นที่ 29 จังหวัด
4.มาตรการ Factory Sandbox
5.มาตรการผ่อนผันให้แรงงานข้ามชาติ 3 สัญชาติ กลุ่มมติ 20 สิงหาคม 2562 และกลุ่มมติ 4 สิงหาคม 2563 ให้สามารถทำงานต่อในราชอาณาจักรไทยได้ และ
6.มาตรการลดหย่อนการส่งเงินสมทบประกันสังคมของนายจ้าง ลูกจ้างกลุ่มผู้ประกันตน ตั้งแต่มีนาคม 2563 จนถึงปัจจุบัน
ซึ่งส่งผลดีต่อการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและการจ้างงานจากการได้รับผลกระทบของการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 อีกทั้งยังช่วยผู้ประกอบการบรรเทาภาระด้านสาธารณสุขของแรงงานและผู้ประกอบการ ซึ่งจะช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถดำเนินธุรกิจได้อย่างต่อเนื่อง หรือเกิดความเสียหายในระบบธุรกิจน้อยที่สุดเพื่อรักษาไว้ซึ่งการจ้างงานในประเทศ