คุมตัว ! "อดีตผู้คุมเรือนจำ" ก่อเหตุฆ่ายกครัว ฝากขังเรือนจำพิษณุโลก
10 ก.ย. 2564, 14:25
จากกรณีนายพุทธวรรณ มั่นปาน อายุ 55 ปี ผู้คุมเรือนจำจังหวัดพิจิตร ได้ก่อเหตุใช้อาวุธปืน ขนาด 9 มม. ยิง พ่อตา แม่ยาย น้องเมีย และลูกเลี้ยง เสียชีวิต 4 ราย และ หลานๆ น้องสะใภ้ ได้รับบาดเจ็บ ตามที่ข่าวได้นำเสนอไปแล้วนั้น
เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 10 กันยายน 2564 พลตำรวจตรีกำธร จันที ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดพิจิตร เดินทางไปตรวจสำนวนการสอบสวนคดีเจ้าพนักงานราชทัณฑ์ เรือนจำจังหวัดพิจิตร ก่อเหตุฆ่ายกครัวรวม 4 ศพ บาดเจ็บสาหัส 4 ราย เหตุ เกิดเมื่อวันที่ 8 กันยายน 2564 เหตุเกิดในพื้นที่ตำบลคลองคะเชนทร์ อำเภอเมืองพิจิตร เนื่องจากเป็นคดีร้ายแรง
โดยเจ้าหน้าที่พนักงานสอบสวนเจ้าของคดีนำสำนวนคดีได้นำตัว นายพุทธวรรณ อดีตผู้คุมเรือนจำจังหวัดพิจิตร ผู้ต้องหา ไปขออำนาจศาลจังหวัดพิจิตรฝากขังเป็นผลัดแรกและนำตัวไปฝากขังที่เรือนจำกลางจังหวัดพิษณุโลก เนื่องจากไม่สามารถฝากขังในเรือนจำจังหวัดพิจิตรได้เนื่องจาก เป็นอดีตผู้คุมเรือนจำ อีกทั้งเกรงว่าจะมีปัญหา ถ้าไปอยู่รวมกับผู้ต้องหาในเรือนจำ
ทางด้าน พล.ต.ต. กำธร ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดพิจิตร กล่าวว่า นายพุทธวรรณ มั่นปาน อายุ 55 ปี ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหาว่าเป็นผู้ลงมือยิงผู้เสียชีวิต ทั้ง 4 ศพ และผู้บาดเจ็บและไม่ขอให้การใดๆ เพิ่มเติมจะไปขอให้การชั้นศาล นอกจากนี้ทนาย และผู้ต้องหา มีความจำนงที่จะไม่ขอยื่นประกันตัวในชั้นศาล
ส่วนสาเหตุหลังจากที่ ได้พูดคุยสอบถามผู้ต้องหาที่ลงมือก่อเหตุ เนื่องจากเกิดความเครียดสะสมกับครอบครัว พ่อตา แม่ยาย น้องชายของภรรยาลูกเลี้ยงซึ่งเป็นลูกติดภรรยา ขณะที่ผู้ต้องหาตลอดระยะเวลาที่คุมขังที่สถานีตำรวจภูธรเมืองพิจิตร ไม่ได้มีอาการเครียดหรือวิตกกังวลแต่อย่างใด เพราะสำนึกผิดที่ลงมือก่อเหตุดังกล่าว
ทางด้าน พ.ต.อ. กัมพล รัตนประทีป ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรเมืองพิจิตร กล่าวว่า สำหรับการคุมขังผู้ต้องหา ศาลจังหวัดพิจิตร พิจารณาแล้วเห็นสมควรให้มีการนำตัวผู้ต้องหา ไปฝากขังที่เรือนจำจังหวัดพิษณุโลก เนื่องจากเป็นห่วงความปลอดภัยในตัวผู้ต้องหา ประกอบกับผู้ต้องหาเคยรับราชการอยู่ในเรือนจำจังหวัดพิจิตร หากนำตัวไปคุมขังในเรือนจำจังหวัดพิจิตร เกรงว่าจะไม่เกิดความปลอดภัยกับตัวผู้ต้องหาได้ ขณะที่อาการผู้บาดเจ็บยังวิกฤติ อยู่ในการดูของแพทย์อย่างใกล้ชิดและยังรักษาตัวอยู่ในห้องไอซียูของโรงพยาบาลพิจิตร
ที่มา : มติชน