นายกฯ เยี่ยมให้กำลังใจบุคลากรแพทย์ สถาบันการแพทย์จักรีนฤบดินทร์ จ.สมุทรปราการ
12 ก.ย. 2564, 14:44
วันนี้ ( 12 ก.ย.64 ) เวลา 13.00 น. ณ อาคารโรงพยาบาลรามาธิบดีจักรีนฤบดินทร์ อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมเดินทางถึงสถาบันการแพทย์จักรีนฤบดินทร์ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี ตรวจเยี่ยมการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่พร้อมทักทายประชาชนบริเวณจุดฉีดวัคซีนโควิด- 19 ซึ่งมีประชาชนและเจ้าหน้าที่กล่าวให้กำลังใจโดยบอกให้นายกรัฐมนตรี “สู้ ๆ” นายกรัฐมนตรีกล่าวขอบคุณ พร้อมตอบกลับไปว่า วันนี้ อารมณ์ดีมากที่ได้มาพบปะกับประชาชนขอให้สู้ปัญหาไปพร้อมกัน สู้เพื่อทุกคน และเพื่อประเทศชาติ เชื่อว่าพลังความร่วมมือของทุกคนจะทำให้ประเทศพัฒนาไปในทางที่ดีขึ้น พร้อมฝากให้ สส. และข้าราชการ อบจ. ทำงานใกล้ชิดกับประชาชนมากขึ้น อย่าทิ้งประชาชนให้แก้ไขปัญหากันเอง ตนเองไม่สามารถทำให้ทุกคนพอใจ แต่ยืนยันจะทำให้ดีที่สุดเพื่อทุกคนและเพื่อประเทศชาติ
จากนั้น นายกรัฐมนตรีเข้ารับฟังการรายงานความก้าวหน้าการดำเนินงานของสถาบันการแพทย์จักรีนฤบดินทร์ ศูนย์การเรียนรู้เฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถ การดำเนินงานโครงการผู้สูงอายุรามาธนารักษ์ และโครงการที่พักอาศัยของผู้สูงอายุ นายกรัฐมนตรีชื่นชมแนวคิด และวิสัยทัศน์ โดยเฉพาะนโยบายด้านสาธารณสุขดูแลผู้สูงอายุ ซึ่งตรงกับนโยบายของรัฐบาลที่ต้องการชูประเทศไทยให้เป็นศูนย์ Healthcare ของผู้สูงอายุในวัยเกษียณจากประเทศต่าง ๆ ให้มาอาศัยอยู่ในประเทศไทย ไทยเตรียมความพร้อมรองรับกลุ่มคนดังกล่าวแบบครบวงจร ถ้าทำได้จะช่วยเพิ่มขีดความสามารถ สร้างรายได้ให้กับประเทศมากขึ้น
ต่อมา นายกฯ ประชุมส่วนราชการที่เกี่ยวข้องกับการบริหารจัดการน้ำ และปัญหาสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่จังหวัดสมุทรปราการ หลังจากจังหวัดสมุทรปราการเกิดฝนตกหนักติดต่อกันประกอบกับน้ำทะเลหนุนบางช่วงทำให้การระบายน้ำค่อนข้างช้า เกิดน้ำท่วมขัง 4 อำเภอในพื้นที่จังหวัดสมุทรปราการ คือ อำเภอเมือง อำเภอบางพลี อำเภอบางบ่อ และอำเภอบางเสาธง โดยหน่วยงานราชการในจังหวัดพร้อมกองทัพได้เร่งดำเนินการะบายน้ำเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้กับประชาชนในพื้นที่น้ำท่วมขังแล้ว ทั้งนี้ ในปี 2564 จังหวัดสมุทรปราการได้ดำเนินการตามแผนงาน/โครงการภายใต้แผนงานบูรณาการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ จำนวน 7 โครงการ งบประมาณ 83.5846 ล้านบาท ดำเนินการโดย 2 หน่วยงาน ประกอบด้วย กรมชลประทาน และองค์การจัดการน้ำเสีย เกิดประโยชน์ต่อภาพรวมมีพื้นที่รับประโยชน์ จำนวน 2,500 ไร่ และประชาชนได้รับประโยชน์ 8,716 ครัวเรือน
นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ในการประชุม นายกรัฐมนตรีเน้นย้ำให้ส่วนราชการในท้องที่ รวมถึงท้องถิ่น และ สส. ทำงานร่วมกัน เมื่อเกิดน้ำท่วมให้ลงพื้นที่แก้ไขปัญหาอย่างเร่งด่วน เตรียมแผนบริหารจัดการโดยเฉพาะในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรม เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์น้ำท่วมสร้างความเสียหายต่อเศรษฐกิจ ในบริเวณจุดเสี่ยงที่เกิดน้ำท่วมซ้ำซาก จะต้องแก้ไขปัญหาระบายน้ำทันที หากสถานการณ์รุนแรงขึ้นจะต้องมีการประชาสัมพันธ์แจ้งเตือนให้ประชาชนรับรู้สถานการณ์อยู่ตลอดเวลา เพื่อเตรียมความพร้อมรองรับสถานการณ์และเตรียมตัวอพยพ จะต้องมีการจัดหาสถานที่พักชั่วคราวให้ประชาชนอย่างเหมาะสม โดยเฉพาะช่วงนี้ที่ประสบปัญหาการระบาดโควิด-19 ขอให้คำนึงถึงความปลอดภัยของประชาชนเป็นสำคัญที่สุด