ทนายอนันต์ชัย ลุยตรวจสอบ และเพิกถอนสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญ
13 ก.ย. 2564, 14:27
นายอนันต์ชัย ไชยเดช ทนายความชื่อดัง ได้โพสต์ข้อความระบุว่า เริ่มกระบวนการตรวจสอบ และเพิกถอนสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ! หลักเกณฑ์การ ขอให้เพิกถอนสมาคมตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรพ 1 ลักษณะ 2 หมวด 2 ส่วนที่ 2 สมาคมมาตรา 102 บัญญัติว่า “ ให้นายทะเบียนมีอำนาจสั่งถอนชื่อสมาคมออกจากทะเบียนได้ในกรณีดังต่อไปนี้
(1) เมื่อปรากฏในภายหลังการจดทะเบียนว่า วัตถุประสงค์ของสมาคมขัดต่อกฎหมาย หรือศีลธรรมอันดีของประชาชน หรืออาจเป็นภยันตรายต่อความสงบสุขของประชาชน หรือความมั่นคงของรัฐ และนายทะเบียนได้สั่งให้แก้ไขแล้วแต่สมาคมไม่ปฏิบัติตามภายในระยะเวลาที่นายทะเบียนกำหนด
(2) เมื่อปรากฏว่าการดำเนินกิจการของสมาคมขัดต่อกฎหมายหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน หรืออาจเป็นภยันตรายต่อความสงบสุขของประชาชน หรือความมั่นคงของรัฐ
(3)…
มาตรา 104 เมื่อมีกรณีตามมาตรา 102 ผู้มีส่วนได้เสียอาจร้องขอให้นายทะเบียนถอนชื่อสมาคมออกจากทะเบียนได้ ถ้านายทะเบียนไม่ปฏิบัติตามคำร้องขอโดยไม่แจ้งเหตุผลให้ผู้ร้องขอทราบภายในเวลาอันสมควร หรือนายทะเบียนได้แจ้งเหตุผลให้ทราบแล้วแต่ผู้ร้องขอไม่พอใจในเหตุผลดังกล่าว ผู้ร้องขอนั้นจะร้องขอต่อศาลให้สั่งเลิกสมาคมนั้นเสียก็ได้
มาตรา 101 สมาคมย่อมเลิกด้วยเหตุหนึ่งเหตุใดดังต่อไปนี้
(1)…
(6) เมื่อนายทะเบียนถอนชื่อสมาคมออกจากทะเบียนตามมาตรา 102
(7) เมื่อศาลสั่งให้เลิกตามมาตรา 104
ดังนั้น หากนายทะเบียนเห็นว่า วัตถุประสงค์ของสมาคมขัดต่อกฎหมาย หรือศีลธรรมอันดีของประชาชน อาจเป็นภัยต่อความสงบสุขของประชาชน ตามมาตรา 102 (1 ) หรือเมื่อปรากฏว่าการดำเนินกิจการของสมาคมขัดต่อกฎหมาย หรือศีลธรรมอันดีของประชาชน หรืออาจเป็นภยันตรายต่อความสงบสุขของประชาชน ตามมาตรา 102 (2) นายทะเบียนมีอำนาจสั่งถอนชื่อสมาคมออกจากทะเบียนได้ หรือผู้มีส่วนได้เสียอาจร้องขอให้นายทะเบียนถอนชื่อสมาคมออกจากทะเบียนได้ หากนายทะเบียนไม่ปฏิบัติตาม ผู้ร้องสามารถร้องขอต่อศาลให้สั่งเลิกสมาคมได้
นี่คือบทอวสานของสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย มีวัตถุประสงค์ 8 ข้อ เกี่ยวกับรัฐธรรมนูญทั้งสิ้น ผม และท่าน พล.ต.อ. เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส อ่านหลายรอบแล้ว ไม่มีวัตถุประสงค์เรื่องส่วนตัวแต่อย่างใด ท่านพล.ต.อ. เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส จึงมอบอำนาจให้ผมดำเนินการตรวจสอบ…… หากพบความไม่ชอบมาพากลผมจะร้องขอให้นายทะเบียนถอนชื่อสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทยออกจากทะเบียน และหรือร้องขอให้ศาลสั่งเลิกสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย…
ก่อนหน้านี้ ทนายความอนันต์ชัย ซึ่งได้รับมอบอำนาจจาก พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย ได้นำพยานหลักฐานยื่นฟ้องนายศรีสุวรรณ จรรยา อุปนายกและเลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ต่อศาลอาญารัชดา ในข้อหาหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา พร้อมเรียกค่าเสียหายจำนวน 10 ล้านบาท
จากกรณีเมื่อวันที่ 3 - 5 ส.ค. 2564 นายศรีสุวรรณ ได้ยื่นหนังสือร้องเรียนต่อ ป.ป.ช. เพื่อขอให้สอบจริยธรรมร้ายแรง พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ โดยกล่าวหาว่า กระทำการทิ้งหิน ดิน ล่วงล้ำแม่น้ำแควน้อยเกินกว่าแนวเขตที่ดินของตนโดยไม่ได้รับอนุญาตจากกรมเจ้าท่า โดยมองว่าคดีนี้เป็นเรื่องส่วนตัว ส่วนการกล่าวหาพล.ต.อ.พิศุทธ์ ผิดจริยธรรมร้ายแรงของนักการเมืองนั้น ข้อเท็จจริงคือที่ดินพิพาทของพล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ซื้อมาในปี 2535 จากนั้นในปี 2544 ทำการถมดิน และออกโฉนดปี 2549 หลังจากนั้น ได้โอนที่ดินให้กับบุตรไปตั้งแต่ ปี 2557 ก่อนเข้ามาทำงานทางการเมือง
นายอนันต์ชัย ไชยเดช ทนายความชื่อดัง ได้โพสต์ข้อความระบุว่า เริ่มกระบวนการตรวจสอบ และเพิกถอนสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ! หลักเกณฑ์การ ขอให้เพิกถอนสมาคมตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรพ 1 ลักษณะ 2 หมวด 2 ส่วนที่ 2 สมาคมมาตรา 102 บัญญัติว่า “ ให้นายทะเบียนมีอำนาจสั่งถอนชื่อสมาคมออกจากทะเบียนได้ในกรณีดังต่อไปนี้
(1) เมื่อปรากฏในภายหลังการจดทะเบียนว่า วัตถุประสงค์ของสมาคมขัดต่อกฎหมาย หรือศีลธรรมอันดีของประชาชน หรืออาจเป็นภยันตรายต่อความสงบสุขของประชาชน หรือความมั่นคงของรัฐ และนายทะเบียนได้สั่งให้แก้ไขแล้วแต่สมาคมไม่ปฏิบัติตามภายในระยะเวลาที่นายทะเบียนกำหนด
(2) เมื่อปรากฏว่าการดำเนินกิจการของสมาคมขัดต่อกฎหมายหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน หรืออาจเป็นภยันตรายต่อความสงบสุขของประชาชน หรือความมั่นคงของรัฐ
(3)…
มาตรา 104 เมื่อมีกรณีตามมาตรา 102 ผู้มีส่วนได้เสียอาจร้องขอให้นายทะเบียนถอนชื่อสมาคมออกจากทะเบียนได้ ถ้านายทะเบียนไม่ปฏิบัติตามคำร้องขอโดยไม่แจ้งเหตุผลให้ผู้ร้องขอทราบภายในเวลาอันสมควร หรือนายทะเบียนได้แจ้งเหตุผลให้ทราบแล้วแต่ผู้ร้องขอไม่พอใจในเหตุผลดังกล่าว ผู้ร้องขอนั้นจะร้องขอต่อศาลให้สั่งเลิกสมาคมนั้นเสียก็ได้
มาตรา 101 สมาคมย่อมเลิกด้วยเหตุหนึ่งเหตุใดดังต่อไปนี้
(1)…
(6) เมื่อนายทะเบียนถอนชื่อสมาคมออกจากทะเบียนตามมาตรา 102
(7) เมื่อศาลสั่งให้เลิกตามมาตรา 104
ดังนั้น หากนายทะเบียนเห็นว่า วัตถุประสงค์ของสมาคมขัดต่อกฎหมาย หรือศีลธรรมอันดีของประชาชน อาจเป็นภัยต่อความสงบสุขของประชาชน ตามมาตรา 102 (1 ) หรือเมื่อปรากฏว่าการดำเนินกิจการของสมาคมขัดต่อกฎหมาย หรือศีลธรรมอันดีของประชาชน หรืออาจเป็นภยันตรายต่อความสงบสุขของประชาชน ตามมาตรา 102 (2) นายทะเบียนมีอำนาจสั่งถอนชื่อสมาคมออกจากทะเบียนได้ หรือผู้มีส่วนได้เสียอาจร้องขอให้นายทะเบียนถอนชื่อสมาคมออกจากทะเบียนได้ หากนายทะเบียนไม่ปฏิบัติตาม ผู้ร้องสามารถร้องขอต่อศาลให้สั่งเลิกสมาคมได้
นี่คือบทอวสานของสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย มีวัตถุประสงค์ 8 ข้อ เกี่ยวกับรัฐธรรมนูญทั้งสิ้น ผม และท่าน พล.ต.อ. เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส อ่านหลายรอบแล้ว ไม่มีวัตถุประสงค์เรื่องส่วนตัวแต่อย่างใด ท่านพล.ต.อ. เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส จึงมอบอำนาจให้ผมดำเนินการตรวจสอบ…… หากพบความไม่ชอบมาพากลผมจะร้องขอให้นายทะเบียนถอนชื่อสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทยออกจากทะเบียน และหรือร้องขอให้ศาลสั่งเลิกสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย…
ก่อนหน้านี้ ทนายความอนันต์ชัย ซึ่งได้รับมอบอำนาจจาก พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย ได้นำพยานหลักฐานยื่นฟ้องนายศรีสุวรรณ จรรยา อุปนายกและเลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ต่อศาลอาญารัชดา ในข้อหาหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา พร้อมเรียกค่าเสียหายจำนวน 10 ล้านบาท
จากกรณีเมื่อวันที่ 3 - 5 ส.ค. 2564 นายศรีสุวรรณ ได้ยื่นหนังสือร้องเรียนต่อ ป.ป.ช. เพื่อขอให้สอบจริยธรรมร้ายแรง พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ โดยกล่าวหาว่า กระทำการทิ้งหิน ดิน ล่วงล้ำแม่น้ำแควน้อยเกินกว่าแนวเขตที่ดินของตนโดยไม่ได้รับอนุญาตจากกรมเจ้าท่า โดยมองว่าคดีนี้เป็นเรื่องส่วนตัว ส่วนการกล่าวหาพล.ต.อ.พิศุทธ์ ผิดจริยธรรมร้ายแรงของนักการเมืองนั้น ข้อเท็จจริงคือที่ดินพิพาทของพล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ซื้อมาในปี 2535 จากนั้นในปี 2544 ทำการถมดิน และออกโฉนดปี 2549 หลังจากนั้น ได้โอนที่ดินให้กับบุตรไปตั้งแต่ ปี 2557 ก่อนเข้ามาทำงานทางการเมือง