วันนี้ ( 15 ก.ย.64 ) มติชน รายงานว่า ที่รัฐสภา นายณัฏฐ์ชนน ศรีก่อเกื้อ ส.ส.สงขลา พรรคภูมิใจไทย ในฐานะโฆษกคณะกรรมาธิการการตำรวจ สภาผู้แทนราษฎร แถลงรายงานผลประชุมกับกองบัญชาการนครบาล เมื่อวันที่ 14 ก.ย. ในประเด็นการชุมนุมของกลุ่มทะลุแก๊ซที่บริเวณดินแดงว่า ผลการประชุมมี 3 ประเด็นหลัก คือ 1.ผู้ก่อเหตุจลาจลปาระเบิดแบบประทัดยักษ์ใส่เจ้าหน้าที่ตำรวจ ทำให้บาดเจ็บสาหัสบริเวณใบหน้า ซึ่งขณะนี้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ได้ดำเนินการเยียวยาเบื้องต้นให้กับตำรวจที่ได้รับบาดเจ็บ 

2.การเผาป้ายเฉลิมพระเกียรติบริเวณทางด่วนแยกดินแดงและถนนวิภาวดี เมื่อวันที่ 12 กันยายน ขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทราบกลุ่มผู้กระทำผิดแล้วว่าเป็นเยาวชน และจะดำเนินการแจ้งความและออกหมายจับตามกระบวนการ

3.กรณีรถควบคุมผู้ต้องหาชนผู้ชุมนุมใต้ทางด่วนดินแดง ซึ่งประเด็นนี้เป็นประเด็นที่ละเอียดอ่อน โดยแยกเป็นหลายประเด็น คือ (1)รถควบคุมผู้ต้องขังคันนี้อยู่ในชุดควบคุมฝูงชน (คฝ.) หรือไม่ หรือไปสแตนบายแล้วเดินทางกลับ (2) เมื่อมีการชนเกิดขึ้น มีผู้ได้รับบาดเจ็บและผู้เสียชีวิตหรือไม่ ปรากฏว่ารถควบคุมผู้ต้องขังคันนี้ไม่ได้อยู่ในชุด คฝ.ดินแดง แต่เป็นชุดสแตนบายที่ บช.น. ให้ไปอยู่อีกจุดหนึ่งเพื่อจะเดินทางกลับบ้าน ซึ่งได้มีการดูภาพเพื่อตรวจสอบว่ารถคันนี้มาจากเส้นทางใดก่อนที่จะถึงบริเวณที่จะชน โดนปาระเบิดหรือโดนทำลายรถหรือไม่ ทำไมถึงต้องเร่งความเร็วในช่วงที่มีการชน

นายณัฏฐ์ชนน เปิดเผยอีกว่า จากการดูภาพสโลโมชั่นพบว่า คนที่ถูกชนกระโดดข้ามถนนไป โดยตอนแรกเราคิดว่าขับขี่รถจักรยานยนต์ แต่ปรากฏว่าเมื่อรถวิ่งผ่านทางด่วนดินแดง คนที่ถูกชนอยู่บนฟุตปาธและได้วิ่งตัดหน้ารถไป ซึ่งวันนี้คนที่ถูกชนปลอดภัยและรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลราชวิถี แต่เมื่อพยาบาลได้ขอประวัติ เขาก็ได้หนีออกจากโรงพยาบาล เด็กคนนี้เป็นเยาวชนไม่ได้รับบาดเจ็บสาหัสและไม่ได้เสียชีวิตตามที่เป็นข่าว ในขณะส่วนที่มีการขับรถผู้ต้องขังชน ตอนนี้ยังไม่มีการแจ้งข้อกล่าวหาสำหรับบุคคลที่ถูกชน ในกรณีนี้ถือว่าเป็นอุบัติเหตุทางรถยนต์ และต้องไปดูว่าการกระทำความผิดเป็นอย่างไร สิ่งสำคัญคือวันนี้รถราชการเสียหาย ไม่ว่าจะเป็นล้อ บริเวณรอบรถ ซึ่งหากรู้ตัวผู้กระทำความผิดก็คงจะไล่เบี้ยไปตามกฎหมาย ไม่ว่าจะเป็นกฎหมายจลาจลหรือกฎหมายอื่นๆ ในส่วนของการกระทำฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ต้องแยกเป็นกระทงไป ไม่เอามารวมกัน

โฆษกมธ.ตำรวจ กล่าวเพิ่มเติมว่า ทางกมธ.ตำรวจฯได้ลงไปพูดคุยกับเจ้าหน้าที่ตำรวจและเก็บข้อมูลรอบด้าน ปรากฏว่าผู้ชุมนุมบริเวณแยกดินแดงที่ใช้ชื่อว่ากลุ่มทะลุแก๊ซไม่ใช่ผู้ชุมนุม เพราะไม่ได้เข้าหลักการชุมนุม แต่เป็นการก่อเหตุจลาจล โดยไม่มีแกนนำ ไม่มีข้อเรียกร้องที่ชัดเจน และเป็นการใช้กำลังและอุปกรณ์เทียมอาวุธและอาวุธในการทำร้ายร่างกาย มีกลุ่มเยาวชนที่อายุไม่ถึง 18 ปีเข้าร่วมกับกลุ่มนี้ด้วย โดยเดินทางมาจากเขตปริมณฑล ได้แก่ จ.นครปฐม จ.พระนครศรีอยุธยา จ.ปทุมธานี จ.สมุทรปราการ และจังหวัดใกล้เคียง ดังนั้น เราจะใช้คำว่าผู้ชุมนุมไม่ได้ แต่เป็นผู้ก่อเหตุจลาจล พร้อมสอบถามเจ้าหน้าที่ตำรวจว่ามีการใช้กำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าไปเคหสถานแฟลตดินแดงหรือไม่ ซึ่งได้รับคำยืนยันว่าไม่ได้เข้าไป และกรณีที่เด็กเยาวชนโดนเตะหรือผลักลงจากแฟลตมาข้างล่างก็ไม่ใช่ความจริง ทั้งนี้ หากสื่อมวลชนหรือประชาชนมีข้อมูลอีกมุมหนึ่งก็สามารถส่งมาที่ กมธ.ตำรวจฯได้