จากกรณีข่าวสะเทือนใจที่เกิดอุบัติเหตุขึ้นที่โรงพยาบาลสุราษฎร์ธานี น.ส.เสาวณีย์ อรชร อายุ 36 ปี ที่ไปบริจาคเลือดให้โรงพยาบาล  ก่อนจะเกิดประเด็นวิพาษ์วิจารณ์ในสังคม วันนี้ (17 ก.ย.) ทางโรงพยาบาลได้ยอมรับว่า พนง.มราขับรถเป็นลูกจ้างรพ. >>> รพ.สุราษฎร์ธานีแถลง รถพยาบาลทับสาวดับ ยันไม่เคยพูดว่าไม่ใช่คนขับรถของโรงพยาบาล

ล่าสุดทางรายการโหนกระแสวันที่  17 ก.ย. 64 “หนุ่ม กรรชัย กำเนิดพลอย” ในฐานะผู้ดำเนินรายการ ได้สัมภาษณ์ “สิริลักษณ์ สมพิศ” แฟนผู้เสียชีวิต มาพร้อม “ทนายไพศาล เรืองฤทธิ์”  โดย คุณสิริลักษณ์ ได้เผยว่า เหตุการณ์เกิดขึ้น 13 ที่ผ่านมา แฟนชื่อพี่จ๋ม วันนั้นพี่เขาหยุดงาน พอดีมีคนที่รู้จักขอให้ไปบริจาคเลือดให้หน่อย เขาก็ไปคนเดียวที่รพ.สุราษฎร์ธานี หายไปประมาณครึ่งชม. ตอนนั้นก็เข้าใจว่าแกไปบริจาคเลือด สักพักมีพีซี โทรมาว่าตอนนี้ติดต่อเขาไม่ได้ ได้ยินเสียงเหมือนวุ่นวายบอกว่าชนแล้ว สายตัดไป พอโทรไปไม่มีใครรับสาย หนูก็โทรไป รพ.แจ้งว่าตอนนี้เขาเกิดอุบัติเหตุ อาการโคม่า หนูก็งงว่าโคม่ายังไง  เขาบอกให้รีบมารพ. เพราะหมอกำลังช่วยชีวิตอยู่ พอไปถึงหมอก็บอกว่าอาการโคม่า ตอนมาคนไข้หมดสติมา มีลมหายใจแผ่วๆ พยายามปั้มหัวใจช่วย สักพักบอกว่าตอนนี้คนไข้สมองตายแล้วม่านตาไม่เปิด สมองไม่รับรู้อะไรแล้ว ให้ปั้มหัวใจมั้ย  แต่ถึงปั้มไปร่างกายก็บอบช้ำ หนูก็ยืนอึ้ง เขาบอกปั้มประมาณ 30 นาที คนไข้ไม่กลับมาแล้ว หนูก็บอกว่านี่ศพแฟนหนูไหม เขาบอกว่าใช่ ตอนที่ชนอยู่ในรพ.สุราษฎร์ฯ

หลังจากนั้น เขาถามว่าดูศพไหม เราก็ยืนดู ะเห็นว่าผ้าปิดหน้าเลือดเต็มหมดเลย พยาบาลก็เปิด ตอนนั้นแกนอนตะแคง ตาข้างนึงลืมอยู่ หนูร้องอุ้ยแล้วก็เดินออกไปเลย สักพักเดินมาใหม่ พยาบาลมาถามหนูว่าที่คนไข้เสียชีวิตเพราะติดในรถนานเกินไป

เมื่อ หนุ่ม กรรชัยถามว่า ผู้ตายยืนคุยโทรศัพท์แล้วโดนรถลากไปหรือป่าว? ตนไม่ทราบเพราะเขาไม่ให้ดูต่อ เขาให้ดูตอนชนแล้วล้มแล้วปิด เพราะบอกว่าถ้าดูจะสะเทือนใจญาติๆ เขาบอกให้ดูเท่านั้น มีพี่ที่เขาอยากดู เพราะอยากรู้เหมือนกันว่าชนยังไง ถึงทำให้เสียชีวิต จากที่หนูเห็น เพราะแกหันหน้ามาหาหนู เห็นรอยถลอกทั้งตัว ที่เท้าเขียว ขาหัก ข้อเท้าพลิกอยู่  

เมื่อถามว่า ไม่ใช่ชนอย่างเดียว ชนแล้วทับ ลากไปอีก? พี่เขาบริจาคอวัยวะให้สภากาชาดไทยด้วย เขาก็บอกว่าคงบริจาคไม่ได้ เพราะข้างในพังหมดแล้ว

หลังจากที่เกิดเหตุ ทางรพ.เรียกขึ้นให้ไปคุย 6-7 คนเขาแสดงความเสียใจ บอกว่าคนขับรถเป็นคนของกู้ภัย มาช่วยรพ.เพราะบุคลากรรพ.ไม่พอ เพราะโควิด แต่พี่คนนึงถามว่าทำไมให้กู้ภัยมาขับรถ  เขาบอกว่าเขาอาสามาช่วย ในเชิงนั้น แล้ววันนั้นไม่ได้พูดอะไรเยอะ เพราะช็อกกันอยู่ แม่ก็ไม่ได้พูดอะไรเยอะ แล้วเขาบอกรถมีประกันชั้นหนึ่ง เดี๋ยวให้ประกันจัดการให้ ตอนนั้นพูดรายละเอียดเท่านั้น ขอดูคลิปก็ให้ดูเท่านั้น เขาบอกถ้าคนไหนข้องใจอยู่คุยกับเขาต่อได้ แต่ตอนนั้นเราเสียใจ อยากทำเรื่องอื่นให้เสร็จก่อน แม่เขาก็ไม่กล้าบอกพ่อ เพราะพ่อไม่สบาย เป็นมะเร็ง กลัวรู้แล้วช็อก แม่รู้ตอนนั่งรถตู้ หนูทีแรกก็ไม่กล้าบอก แต่แกก็ต้องรู้

อย่างไรก็ตาม คุณสิริลักษณ์ ยืนยันว่า รพ.ได้ติดต่อมาตอนที่เป็นข่าวแล้ว เรื่องเงินที่ชดใช้มีแต่ทางประกันรถที่จะให้ 1.5 ล้านบาท ส่วนทางรพ.อ้างว่าไม่มีเงิน และตนได้เช็คแล้วว่าคนขับรถเป็นบุคลากรทางการแพทย์ ส่วนคนที่ชนก็ไม่ได้ไปงานศพเพื่อขอขมา และที่อ้างว่าจะให้ดูคลิปเฉพาะญาติ วันเกิดเหตุคุณแม่ของผู้ตายก็ไป แต่ไม่ได้ให้ดู เพราะบอกว่าเดียวจะสะเทือนใจถ้าเห็นภาพเยอะกว่านี้