เมื่อเวลา 00.45 น. วันที่ 19 กันยายน ผู้สื่อข่าว ONB news รายงานว่า ที่ จ.สุพรรณบุรี ร.ต.อ.จิรศักดิ์ ดวงใจดี พนักงานสอบสวน สภ.ศรีประจันต์ จ.สุพรรณบุรี รับแจ้งเหตุไฟไหม้บ้านเรือนประชาชน เหตุเกิดที่หมู่ 4 ต.ดอนปรู จึงรายงานผู้บังคับบัญชาทราบไปตรวจสอบพร้อม พ.ต.อ.วรภพ จำปาเงิน ผู้กำกับ สภ.ศรีประจันต์ เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน รถดับเพลิงจากเทศบาลตำบลดอนปรู เทศบาลตำบลศรีประจันต์ และ เทศบาลตำบลปลายนา  รวม 5 คัน และเจ้าหน้าที่การไฟฟ้าศรีประจันต์ เจ้าหน้าที่มูลนิธิเสมอกันกู้ภัยสุพรรณบุรี ที่เกิดเหตุเป็นบ้านไม้ชั้นเดียวหลังใหญ่ยกพื้นสูง พบเพลิงกำลังโหมลุกไหม้ที่ด้านบนอย่างรุนแรงเจ้าหน้าที่จึงรีบระดมฉีดน้ำควบคุมไม่ให้เพลิงลาม โดยมีเจ้าของบ้านใช้สายยางช่วยฉีดน้ำดับไฟใช้เวลาประมาณ 30 นาที เพลิงจึงสงบ แต่บ้านและทรัพย์สินภายในบ้านถูกไฟไหม้เสียหายทั้งหมด
 

จากการสอบถาม ร.ต.ต.บุญเลิศ อายุ 55 ปี รองสารวัตรป้องกันปราบปราม ปฏิบัติหน้าที่งานจราจร สภ.ศรีประจันต์ ซึ่งเป็นเจ้าของบ้าน เล่าว่า บ้านหลังเกิดเหตุตนได้ซื้อไว้นานแล้ว ก่อนเกิดเหตุตนเข้าเวรปฏิบัติหน้าที่สายตรวจ อยู่ที่ สภ.ศรีประจันต์ ได้รับแจ้งจาก ศูนย์วิทยุ สภ.ศรีประจันต์ ว่ามีพลเมืองเมืองดีโทรศัพท์มาแจ้งว่าบ้านถูกไฟไหม้จึงรีบมาดูก็พบไฟกำลังลุกไหม้อย่างรุนแรงโดยมีเพื่อนบ้านช่วยกันขนย้ายข้าวของที่อยู่ใต้ถุนบ้านมีทั้งรถยนต์และของใช้ต่างๆ ออกไปไว้ด้านนอกพร้อมกับพยายามใช้สายยางฉีดน้ำเพื่อดับไปแต่ไม่สามารถดับได้จึงแจ้งเจ้าหน้าที่ดับเพลิงมาช่วยดับแต่ไม่ทันเนื่องจากตัวบ้านเป็นไม้สักเก่าจึงเป็นเชื้อเพลิงอย่างดี

โดยปกติบ้านหลังนี้ตนจะเป็นคนมาอยู่ประจำหลังว่างจากการเข้าเวรก็จะมาทำสวนปลูกพืชผักปลูกต้นไม้ทำการเกษตร และนอนพัก แต่วันนี้ไม่ได้เข้ามาดูบ้านเนื่องจากติดเข้าเวรจึงปิดล็อกบ้านเอาไว้ส่วนคนในครอบครัวจะอยู่อีกที่หนึ่ง ส่วนทรัพย์สินที่เสียหายมีทั้งตัวบ้านซึ่งเป็นไม้สักเก่า เครื่องมือการเกษตร เครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆ ภายในบ้านรถจักรยานยนต์ 1 คัน ที่เก็บไว้ในห้องใต้ถุนบ้าน ส่วนทรัพย์สินที่รอดจากการถูกไฟไหม้นั้นมีรถยนต์กระบะที่จอดไว้ใต้ถุนบ้าน 1 คัน และสุนัขเพศเมียชื่อเจ้าเงิน อายุ 3 ปี เหตุการณ์ครั้งนี้ไม่มีใครได้รับอันตรายแต่อย่างใด ส่วนสาเหตุเบื้องต้นคาดว่าเกิดจากไฟฟ้าลัดวงจร แต่ตนก็ยังข้องใจอยู่ว่าปกติระบบเซฟตี้ของไฟฟ้าจะทำงาน แต่ทำไมคืนนี้จึงไม่ทำงานอย่างไรก็ตามพนักงานสอบสวนจะได้ประสานเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานเข้ามาตรวจพิสูจน์สาเหตุที่แท้จริงอย่างละเอียดอีกครั้ง ส่วนมูลค่าความเสียหายเบื้องต้นคาดว่ากว่า 1 ล้านบาท