เมื่อเวลา 17.00 น.วันที่ 23 ก.ย.64 นายบุญก้อง ศรีสงคราม ปลัดอำเภอสวี หัวหน้าฝ่ายความมั่นคง จ.ชุมพร นายดารากร จันทนา ปลัดอำเภอ นางสาวสุนิศา เผือกผ่อง เจ้าหน้าที่ ศป.สป.อ.สวี พร้อมสมาชิกกองอาสารักษาดินแดน สังกัดกองร้อยอาสารักษาดินแดนอำเภอสวีที่ 5 รวม 11 นาย นำรถยนต์จำนวน 2 คัน ออกตรวจความสงบเรียบร้อยและติดตามหาข่าวเกี่ยวกับผู้ค้าผู้เสพ ยาเสพติดในพื้นที่รับผิดชอบ โดยขับรถผ่านมาในเขตพื้นที่หมู่ 1 บ้านท่าช้าง ตำบลครน อ.สวี จ.ชุมพร ได้พบนายไนท์ อายุ 18 ปี ซึ่งมีประวัติพัวพันกับยาเสพติด ยืนอยู่ภายในบริเวณบ้านหลังหนึ่งจึงเข้าตรวจสอบ โดยมีคู่สามีภรรยาและเด็กชายวัย 7 ขวบยืนคุยอยู่ด้วยกัน

จากการสอบถามนายไนท์อ้างว่าซื้อข้าวเหนียวไก่ทอดและใส้กรอกมาฝากหลานชายวัย 7 ขวบ และมาหาซื้อต้นบอนสีไปขายต่อซึ่งเป็นที่นิยมกันอยู่ในขณะนี้ แต่เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองนำโดยนายบุญก้อง ศรีสงคราม หรือปลัดก้อง ไม่ปักใจเชื่อเนื่องจากนายไนท์ ท่าทางมีพิรุธพูดจาสับสนวกไปวนมาจึงทำการตรวจค้นตัวอย่างละเอียด และรถจักรยานยนต์ฮอนด้า สีน้ำเงินดำ รถใหม่ป้ายทะเบียนสีฟ้า ปรากฎว่าต่อมาปลัดก้อง พบถุงพลาสติกสำหรับใส่แมสหรือหน้ากากอนามัยซุกอยู่ใต้บังลมรถจักรยานยนต์ของนายไนท์ที่จอดอยู่ เมื่อเปิดดูพบยาบ้าบรรจุอยู่ในถุงพลาสติกสีฟ้าจำนวน 201 เม็ด ในถุงพลาสติกใสชนิดรูดปิดปากถุงอีก 6 เม็ด รวมยาบ้า 207 เม็ดและยาไอซ์ชนิดเกล็ดบรรจุอยู่ในพลาสติกใสอีกจำนวน 2.88 กรัม จึงสั่งการให้เจ้าหน้าที่ควบคุมตัวนายไนท์ไว้ทันที ส่วนคู่สามีภรรยาเจ้าของบ้านภายหลังเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองได้สอบสวนเบื้องต้นเชื่อว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกั บยาเสพติดดังกล่าวจึงไม่ได้ดำเนินคดีแต่อย่างใด ส่วนนายไนท์ขณะค้นพบของกลางในที่เกิดเหตุสติแตก รีบปฏิเสธบอกมันไม่ใช่ของผม มันไม่ใช่ของผม สุดท้ายยอมรับสารภาพว่า เป็นคนวิ่งรับส่งยาบ้าเท่านั้น

โดยล่าสุดมีคนโทรมานัดให้ไปเอายาบ้า 2 ถุงประมาณ 400 เม็ด วางไว้ที่ป้ายโครงการฝายน้ำล้นแห่งหนึ่งในเขตตำบลครน และจะมีคนมารับจากตนไปอีกทอด โดยตนจะได้ค่าตอบแทนเป็นยาบ้าไว้เสพ ถ้าเหลือก็จะเอาไปขายบ้างในราคาเม็ดละ 100 บาท แต่ส่วนใหญ่ใช้เสพเองจนหมด ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้นำตัวนายไนท์ไปค้นที่บ้านเลขที่ 13/5 หมู่ 12 ตำบลครน อ.สวี จ.ชุมพร ซึ่งเป็นบ้านพักที่อยู่อาศัยกับผู้เป็นแม่ แต่ไม่พบสิ่งผิดกฎหมาย โดยผู้เป็นแม่ได้แต่ปลอบใจว่า “ติดคุกไม่ตายเดี๋ยวแม่ไปเยี่ยมเอง แม่สอนทำไมไม่เชื่อแม่ ”

ด้านเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองอำเภอสวี เปิดเผยว่า นายชาคริต หรือไนท์ มีพฤติกรรมเข้าไปพัวพันกับยาเสพติดตั้งแต่อายุ 16 ปี ซึ่งเจ้าหน้าที่ทราบเป็นอย่างดี และได้ว่ากล่าวตักเตือนเสมือนลูกหลานมาโดยตลอดเพราะแต่ก่อนเห็นว่ายังเป็นเยาวชนไม่อยากให้เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด แต่นายไนท์ไม่เชื่อฟังแถมมีหลักฐานการซื้อขายยาผ่านแชคมือถือกันด้วย

ดังนั้นเจ้าหน้าที่จำเป็นต้องปฏิบัติตามกฎหมายบ้านเมืองจนกระทั่งมาพบตัวและยาเสพติดของกลางดังกล่าว โดยจะสอบสวนขยายผลถึงเครือข่ายผู้ค้ารายอื่นๆด้วย ก่อนนำตัวนายชาคริต ส่งพนักงานสอบสวน สภ.สวี ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป