ด้านนายจิรโชติ หนึ่งใน อาสาตำรวจ กล่าวว่า ค่าใช้จ่าย 12,000 บาทนั้น ตนพร้อมผู้ติดตาม และผู้ที่ถูกส่งไปบำบัดยาเสพติด รวมทั้งสิ้นจำนวน 5 คน จะแบ่งเป็นการนำไปใช้จ่ายค่าน้ำมันของรถส่วนตัว ค่ากินค่าอยู่ระหว่างเดินทาง ซึ่งต้องเลี้ยงผู้ที่จะไปบำบัดตลอดการเดินทางจนกว่าจะไปถึงวัดท่าพุฯ หลังจากไปส่งและกลับมาถึงบ้าน จะเหลือเงินที่แบ่งได้เพียงคนละ 600-700 บาทต่อคนเท่านั้น หรือบางครั้งก็ไม่เหลือเลย

นายจิรโชติ กล่าวต่อว่า ตนมาทำงานตรงนี้ เนื่องจากผู้ปกครองขอร้องให้ช่วยเหลือ เพราะบุตรหลานที่ติดยาเสพติด วันไหนขอเงินหรือไม่ได้เงินไปซื้อยามาเสพก็จะอาละวาดทำร้ายคนในครอบครัว พังข้าวของเสียหาย ผู้ปกครองกลัวว่าจะถูกทำร้ายจนเสียชีวิต จึงมาติดต่อตนด้วยการแนะนำแบบปากต่อปากว่าสามารถหาสถานที่พาลูกหลานที่ติดยาเสพติดไปบำบัดได้ ตนมาทำตรงนี้แทบจะไม่ได้อะไรเลยจริงๆ เพียงต้องการทำบุญช่วยเหลือครอบครัวของผู้ที่มีลูกหลานติดยาเสพติด แต่กลับโดนกระแสสังคมโจมตีว่ามีการเรียกหัวคิว ทำให้ตนและครอบครัวเสียหายและรู้สึกเสียใจมาก

ขณะที่ พ.ต.อ.ณภัทรพงศ์ สมใจ ผกก.สภ.สุวรรณภูมิ กล่าวว่า จากที่มีคลิปหมอปลากล่าวหาตำรวจ สภ.สุวรรณภูมิ เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับการเรียกรับเงินเพื่อนำผู้ติดยาเสพติดไปบำบัด ณ วัดท่าพุราษฎร์บำรุง ทำให้ตำรวจ สภ.สุวรรณภูมิ ได้รับความเสียหาย เป็นที่ครหาแก่ประชาชนในการปฏิบัติหน้าที่

ทั้งนี้ ทาง สภ.สุวรรณภูมิ มีความเห็นร่วมกันในการฟ้องร้องแจ้งข้อกล่าวหากับหมอปลา ในความผิดฐานหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา ด้วยเอกสาร ภาพวาด ภาพระบายสี ภาพยนตร์ ภาพหรือตัวอักษรที่ทำให้ปรากฎไม่ว่าด้วยวิธีใดๆ แผ่นเสียง หรือสิ่งบันทึกเสียงบันทึกภาพ หรือบันทึกอักษรกระทำโดยการกระจายเสียง หรือการกระจายภาพ หรือโดยกระทำการป่าวประกาศด้วยวิธีอื่น และขอยืนยันว่าจะดำเนินคดีกับหมอปลาให้ถึงที่สุด