วันที่ 27 ก.ย. 64 ผู้สื่อข่าว ONB news รายงานว่า นางสาวชไมพร อำไพจิตร รองผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เป็นประธานในพิธีมอบบ้านหลังใหม่ ให้กับนางจำเรียง ชูจิตต์ อายุ 53 ปี หลังได้พักอาศัยอยู่กับหลานอีก 2 คน ในกระต๊อบหลังเก่า ซึ่งมีสภาพผุพังหลังคารั่วนานหลายปี หาเลี้ยงชีพ 3 ชีวิต ด้วยการเหลาทางมะพร้าวขาย ที่บ้านที่ ม.5 ต.คลองวาฬ อ.เมือง จ.ประจวบคีรีขันธ์ โดยมีนายวิโรจน์ ชูแก้ว ปลัดอาวุโสอำเภอเมืองประจวบคีรีขันธ์ เป็นผู้แทนนายอำเภอเมืองประจวบคีรีขันธ์ กล่าวให้การต้อนรับ และมี นางณัฐชาลัคนา สุขภาคกุล รองนายกเหล่ากาชาดจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ กล่าวรายงานถึงวัตถุประสงค์ และที่มาในการมอบบ้านครั้งนี้ โดยมีปลัดอําเภอ เกษตรอำเภอ หัวหน้าส่วนราชการ หัวหน้าหน่วยงาน และผู้นำในท้องที่เข้าร่วมเป็นสักขีพยาน

 

 

โดยบ้านหลังดังกล่าวได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย และจากเหล่ากาชาดจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ รวมไปถึงผู้นำท้องที่ และผู้ใจบุญได้ร่วมจิตศรัทธาบริจาค ทั้งเงินงบประมาณ และสิ่งของเครื่องใช้ในการก่อสร้างบ้าน รวมถึงเครื่องอุปโภคบริโภคในครัวเรือน อาทิ วัสดุอุปกรณ์ก่อสร้าง เสื่อน้ำมันปูพื้น หม้อหุงข้าว กระติกน้ำร้อน พัดลม ข้าวสารอาหารแห้ง ผ้าห่ม และรถจักรยาน นำมาจัดทำโครงการซ่อมแซมและสร้างบ้านกาชาดช่วยผู้ยากไร้ ประจำปี พ.ศ.2564 โดยมอบหมายให้อำเภอเมืองประจวบฯ นำกำลังเจ้าหน้าที่อาสารักษาดินแดนอำเภอเข้าดำเนินการก่อสร้างบ้านจนแล้วเสร็จภายใน 10 วัน และนอกจากนี้สำนักงานเกษตรอำเภอ ยังได้ร่วมมอบเมล็ดพันธุ์ผักให้ไว้ปลูกรับประทานเพื่อบรรเทาลดค่าครองชีพอีกด้วย

ซึ่งในระหว่างประธานในพิธีเดินเยี่ยมชมบ้าน ด.ญ.พิมพ์นภา อายุ 8 ขวบ หรือ น้องฮันนี่ และ ด.ช.ชัชวาล อายุ 6 ขวบ หรือน้องทิวลี่ ซึ่งพักอาศัยอยู่กับยายได้แสดงออกถึงอาการดีอกดีใจ ยกมือไหว้ขอบคุณผู้ใจบุญเป็นระยะ ๆ พร้อมนำเยี่ยมชมห้องบอกว่าของตนเองห้องไหน และของพี่สาวห้องไหน พร้อมเผยความรู้สึกว่าไม่เคยได้อยู่บ้านลักษณะแบบนี้มาก่อน รู้สึกดีใจมาก ไม่ต้องทนอาศัยอยู่ในเพิงพักหลังคารั่ว และจะตั้งใจเรียน

 

 

นางจำเรียง เล่าว่า ตนเองได้พักอาศัยอยู่ในเพิงพักหลังเก่าซึ่งมีสภาพผุพังหลังคาสังกะสี เวลาฝนตกน้ำก็จะรั่วแต่ก็ต้องทนอาศัยอยู่กับหลานอีก 2 คน ส่วนลูกๆ ของตนได้แยกย้ายออกไปมีครอบครัวใหม่อยู่ที่อื่นไม่ค่อยได้กลับมาเยี่ยมบ้าน ตนเองมีโรคประจำตัวเป็นโรคลิ้นหัวใจรั่ว และได้รับการผ่าตัดออกมาจากโรงพยาบาล ออกไปรับจ้างและทำงานหนักไม่ไหว ได้แต่นั่งเหลาทางมะพร้าวขายเลี้ยง 3 ชีวิต ยาย-หลาน ด้วยรายได้เพียงเดือนละประมาณ 1,000 บาท ไม่พอจ่ายก็ต้องอยู่ให้ได้ อดบ้าง ได้กินบ้าง มีเพื่อนบ้าน ร้านค้า และผู้ใจบุญในหมู่บ้านก็ได้แวะเวียนนำอาหารมาให้เพื่อประทังชีวิตบ้าง ซึ่งหลานชายยังเรียนอยู่ชั้นอนุบาล 3 โรงเรียนบ้านด่านสิงขร ส่วนหลานสาวเรียนอยู่ชั้น ป.3 โรงเรียนบ้านห้วยหนำในตัวเมืองประจวบฯ หลานชายชื่อน้องทิวลี่ได้มีความใฝ่ฝันโดยพูดบอกกับตนบ่อยครั้งอยากได้บ้านหลังใหม่อยู่แทนหลังเดิมซึ่งก็ได้สมหวังดังใจของหลานแล้ว ตนจึงขอขอบคุณผู้ใจบุญทุกคนที่ได้หยิบยื่นน้ำใจ เข้ามาช่วยเหลือตนในครั้งนี้ ตนรู้สึกดีใจมาก ภูมิใจ เหมือนตายแล้วเกิดใหม่