กรมชลฯ แจ้งเพิ่มการระบายน้ำเขื่อนป่าสักฯ ฉ.1 -เตือนปชช.ริมสองฝั่งแม่น้ำตามสถานการณ์ใกล้ชิด
28 ก.ย. 2564, 14:56
เมื่อวันที่ ( 27 ก.ย.64 ) นายประพิศ จันทร์มา อธิบดีกรมชลประทาน ได้ลงนามในหนังสือด่วนที่สุด เรื่อง แจ้งเตือนสถานการณ์น้ำในแม่น้ำป่าสัก ฉบับที่ 1 ถึงผู้ว่าราชการจังหวัดสระบุรี โดยระบุว่า จากหย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรงในทะเลจีนใต้ตอนกลางได้ทวีกำลังแรงขึ้นเป็นพายุดีเปรสชันและพายุโซนร้อน "เตี้ยนหมู่" ปกคลุมบริเวณชายฝั่งประเทศเวียดนามตอนกลาง ในวันที่ 23 กันยายน 2564 จากนั้นได้เคลื่อนขึ้นฝั่งบริเวณเมืองกวางนาม ประเทศเวียดนามเมื่อช่วงเช้ามืดของวันที่ 24 กันยายน 2564 โดยพายุนี้ได้อ่อนกำลังลงเป็นพายุดีเปรสชันบริเวณเมืองสะหวันนะเขต สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวและได้เคลื่อนเข้าปกคลุมบริเวณ จังหวัดมุกดาหาร เมื่อช่วงค่ำของวันเดียวกันแล้วอ่อนกำลังลงเป็นหย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรงบริเวณ จังหวัดขอนแก่น เมื่อช่วงเช้ามืดของวันที่ 25 กันยายน 2564
นอกจากนี้ร่องมรสุมพาดผ่านภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่างในระยะต้นและกลางสับดาห์ จากนั้นได้เลื่อนขึ้นไปพาดผ่านภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลาง และภาคตะวันออก โดยพาดเข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณประเทศกัมพูชา ในวันที่ 20 กันยายน 2564 ซึ่งต่อมาหย่อมความกดอากาศต่ำนี้ ได้เคลื่อนเข้าปกคลุมบริเวณภาคกลางตอนล่างก่อนเคลื่อนตัวลงสู่อ่าวมะตะบัน ในวันที่ 22 กันยายน 2564 ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทยตลอดสัปดาห์ ลักษณะดังกล่าวทำให้ประเทศไทยตอนบนมีฝนหนาแน่น และมีรายงานน้ำท่วมฉับพลันในหลายพื้นที่ นั้น
กรมชลประทานได้คาดการณ์ปริมาณน้ำที่จะเกิดจากปริมาณฝนตามคาดการณ์ของกรมอุตุนิยมวิทยา และสถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ (องค์การมหาชน) (สสน.) จะมีปริมาณน้ำท่ไหลลงเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ในระหว่างวันที่ 27 กันยายน 2564 ถึงวันที่ 3 ตุลาคม 2564 รวมจำนวน 515 ล้านลูกบาศก์เมตร หากยังคงการระบายน้ำในอัตรา 8.64 ล้านลูกบาศก์เมตร เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์จะมีปริมาณน้ำเต็มอ่างในวันที่ 30 กันยายน 2564 หลังจากนั้นการระบายน้ำจากเขื่อนควรจะเท่ากับปริมาณน้ำที่ไหลลงเขื่อน ดังนั้น เพื่อให้มีพื้นที่รองรับน้ำที่จะไหลลงเขื่อนได้โดยไม่ทำให้น้ำเต็มอ่าง กรมชลประทานจะเพิ่มการระบายน้ำจากเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ จากอัตราวันละ 8.64 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อวัน เป็น 34.56 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อวัน หรือประมาณ 400 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที โดยจะทยอยเพิ่มขึ้นเป็นลำดับ ซึ่งเมื่อน้ำจำนวนนี้ไหลลงไปรวมกับปริมาณน้ำจากคลองชัยนา - ป่าสัก แล้วจะควบคุมปริมาณน้ำไหลผ่านเขื่อนพระรามหกในอัตราไม่เกิน 700 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที
จากสถานการณ์ดังกล่าวจะส่งผลให้พื้นที่ริมแม่น้ำป่าสักตั้งแต่ท้ายเขื่อนพระรามหกในชุมชนนอกคันกั้นน้ำบริเวณวัดสะตือ อำเภอท่าเรือ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา มีระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้นจากปัจจุบันประมาณ 2.00 - 2.50 เมตร ระดับน้ำที่สูงขึ้นดังกล่าวจะไม่กระทบกับพื้นที่บริเวณตั้งแต่ด้านท้ายน้ำวัดสะตือไปจนถึงจุดบรรจบแม่น้ำเจ้าพระยา อำเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
ดังนั้น เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมรับสถานการณ์น้ำ จึงใคร่ขอความอนุเคราะห์จังหวัด ประกาศประชาสัมพันธ์ข้อมูลประกอบการแจ้งเตือนในเบื้องต้นให้กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง บริษัทห้างร้านที่ประกอบกิจการในแม่น้ำปาสัก อาทิ งานก่อสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่ง แพร้านอาหาร เป็นต้น รวมทั้งประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ริมสองฝั่งแม่น้ำป่าสัก ขอให้เฝ้าระวังติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด