วันนี้ 29 ก.ย.64 ผู้สื่อข่าว ONB news รายงานว่า นายอนุชา หอยสังข์ นายอำเภอท่ามะกา จ.กาญจนบุรี ได้รับแจ้งจาก นายวันชัย โกแสง ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 3 ต.ตะคร้ำเอน ว่า มีสัตว์ไม่ทราบชนิดกัดวัวของชาวบ้านได้รับบาดเจ็บ เหตุเกิดที่คอกวัวริมคลองท่าสาร-บางปลา หมู่ 3 ต.ตะคร้ำเอน จึงได้มอบหมายให้ นายธนกร สว่างแก้ว ปลัดอำเภอหัวหน้าฝ่ายความมั่นคง นำกำลัง อส.เข้าตรวจสอบ

จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่า คอกวัวดังกล่าวเป็นของ นายทวียศ  อายุ 67 ปี ต.ตะคร้ำเอน ซึ่งได้มาสร้างคอกเลี้ยงวัวประมาณ 30 ตัว อยู่ริมคลองท่าสาร-บางปลา หมู่ 3 ต.ตะคร้ำเอน โดย นายทวียศ เล่าว่า เมื่อประมาณ 4-5 วันก่อน ตนพบเห็นว่าวัวของตัวเองมีบาดแผลคมเขี้ยวที่ขาหลังด้านซ้าย ซึ่งไม่ทราบว่าเป็นรอยของสัตว์ชนิดใด เบื้องต้นเชื่อว่าเป็นจระเข้ เนื่องจากเป็นสัตว์ชนิดเดียวที่สามารถกัดกินวัวได้ ซึ่งตั้งแต่เลี้ยงวัวมานานกว่า 50 ปี ก็ไม่เคยพบเหตุการณ์เช่นนี้มาก่อน แต่อย่างไรก็ตามที่ผ่านมาเคยพบเห็นจระเข้ลอยโผล่ขึ้นมาให้เห็นเพียงส่วนหัว ก่อนที่จะมุดน้ำหายไป

ขณะที่ประมงอำเภอได้ตรวจสอบบาดแผลเบื้องต้นแล้ว ยังไม่ลงความเห็นว่าร่องรอยบาดแผลที่พบเกิดจากคมเขี้ยวของจระเข้ เนื่องจากบาดแผลเกิดมานานหลายวันแล้ว อย่างไรก็ตามทางประมงจังหวัดกาญจนบุรีจะลงมาตรวจสอบต่อไป

โดยเบื้องต้นทางอำเภอได้ประสานให้กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ประชาสัมพันธ์แจ้งเตือนราษฎรในพื้นที่ ต.ตะคร้ำเอน ให้ระมัดระวังอันตรายที่อาจจะเกิดขึ้น และห้ามลงหาปลาบริเวณคลองท่าสาร-บางปลา ตั้งแต่ประตูน้ำถึงสะพานข้ามคลองสำนักคร้อแล้ว เพื่อป้องกันอันตรายที่อาจจะเกิดขึ้น

อย่างไรก็ตาม ทีมไกรทองแห่งลุ่มน้ำตาปี ผู้เชี่ยวชาญด้านการจับจระเข้ ได้ตรวจสอบภาพถ่ายรอยเท้า เบื้องต้นยืนยันว่า รอยเท้าที่พบเป็นจระเข้ โดยในวันพรุ่งนี้เวลาประมาณ 17.00 น. ทีมมือปราบอสรพิษจะลงพื้นที่เพื่อมาทำการตรวจสอบ พร้อมวางแผนในการไล่ล่าจระเข้ โดยจะนำเรือออกสำรวจค้นหาในเวลากลางคืน เพื่อจับให้ได้โดยเร็วที่สุด

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเดือนมกราคม ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่หลายหน่วยงานก็ได้ระดมกำลังกันไล่ล่าจระเข้ในคลองท่าสาร-บางปลา แห่งนี้มาแล้วครั้งหนึ่ง ภายหลังจากชาวบ้านที่ออกไปตกปลาในคลองดังกล่าวในท้องที่หมู่ 9 ต.ตะคร้ำเอน อ.ท่ามะกา ได้บังเอิญพบเห็นเข้า ซึ่งครั้งนั้นต้องใช้เวลาในการจับนานถึง 6 วันด้วยกัน โดยจระเข้ตัวแรกที่จับได้มีความยาวประมาณ 2.30 เมตร และหลังจากนั้นไม่กี่วันก็สามารถจับได้อีกเป็นตัวที่สอง ซึ่งมีขนาดใกล้เคียงกัน แต่เจ้าหน้าที่ยังพบเห็นจระเข้ว่ายเวียนในคลองดังกล่าวอีก ซึ่งมีขนาดใหญ่กว่า 2 ตัวแรกที่จับได้ โดยครั้งนั้นเจ้าหน้าที่ก็ได้พยายามเฝ้าติดตามไล่ล่านานนับสัปดาห์ แต่สุดท้ายก็ไม่พบเห็นตัวมันอีกเลย พบเพียงรอยเท้าและกองมูลของจระเข้ตามริมตลิ่งเท่านั้น จึงต้องยุติการค้นหา และฝากประชาชนช่วยกันสังเกต หากพบเห็นจระเข้ให้รีบแจ้งให้เจ้าหน้าที่ทราบทันที