เปิด ปิด การใช้งานคุกกี้ของ ทรูฮิต (Truehits Cookies)



​โฆษกรบ.เผยอันดับความน่าเชื่อถือไทย BBB+ คาด GDP เติบโตร้อยละ 1.1


5 ต.ค. 2564, 11:40



​โฆษกรบ.เผยอันดับความน่าเชื่อถือไทย BBB+ คาด GDP เติบโตร้อยละ 1.1




วันที่ 5 ตุลาคม 2564 นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า บริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือ S&P Global Ratings (S&P)  คงอันดับความน่าเชื่อถือของประเทศไทย (Sovereign Credit Rating) ที่ BBB+ และมุมมองความน่าเชื่อถือของประเทศไทย (Outlook) อยู่ในระดับมีเสถียรภาพ (Stable Outlook) โดยยังเป็นระดับเดียวกับปี 2563 ปีนี้เศรษฐกิจไทยจะเติบโต (GDP Growth) ประมาณร้อยละ 1.1 และในช่วงปี 2565-2567 ร้อยละ 3.6 ต่อปีด้วย

รายงานผลการจัดอันดับความน่าเชื่อถือของบริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือ S&P Global Ratings (S&P)  ได้เผยแพร่รายงานผลการจัดอันดับความน่าเชื่อถือของประเทศไทย เมื่อวานนี้ (4 ตุลาคม 2564)  คงอันดับความน่าเชื่อถือของประเทศไทย ที่ BBB+ และมุมมองความน่าเชื่อถือของประเทศไทย อยู่ในระดับมีเสถียรภาพ (Stable Outlook) ซึ่งเป็นระดับเดียวกับปี 2563 สาระสำคัญ ดังนี้



1. ภาคการคลังสาธารณะ (Public Finance) มีความเข้มแข็ง แม้ว่าไทยจะขาดดุลงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2564-2565 และหนี้ของรัฐบาลเพิ่มขึ้น จากการดำเนินนโยบายการคลังของภาครัฐเพื่อแก้ไขปัญหา เยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19  แต่ S&P คาดว่า ปีนี้  GDP จะเติบโตที่ประมาณร้อยละ 1.1 และในช่วงปี 2565-2567 จะเติบโตเพิ่มขึ้นเฉลี่ยประมาณร้อยละ 3.6 ต่อปี จากการส่งออกและการท่องเที่ยวที่ปรับตัวดีขึ้นเนื่องจากสามารถควบคุมการระบาดของ COVID-19 และประชาชนได้รับวัคซีนอย่างทั่วถึงและคาดว่าเศรษฐกิจไทยจะกลับไปอยู่ที่ระดับเดิมก่อนเกิด COVID-19 ตั้งแต่ปี 2566 เป็นต้นไป จากการที่รัฐบาลยังสนับสนุนการลงทุนอย่างต่อเนื่องให้เป็นไปตามแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติและแผนการปฏิรูปประเทศ อาทิ โครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) และโครงการโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่ง รวมถึงการส่งเสริมการลงทุนร่วมภาครัฐและเอกชน (PPP) ที่ช่วยลดความเสี่ยงทางการคลังของรัฐและเป็นไปตามกรอบวินัยการเงินการคลังของภาครัฐ

2. ภาคการเงินต่างประเทศ (External Finance) ยังคงมีความแข็งแกร่ง โดยดุลบัญชีเดินสะพัดเกินดุล  ไทยมีสภาพคล่องและทุนสำรองระหว่างประเทศอยู่ในระดับสูง และสภาพคล่องต่างประเทศ (External Liquidity) ของไทยยังอยู่ในระดับที่ไม่น่ากังวล  รวมทั้งการดำเนินนโยบายทางการเงินและการรักษาเสถียรภาพด้านราคายังเป็นปัจจัยที่ช่วยสนับสนุนอันดับความน่าเชื่อถือของประเทศ


ทั้งนี้ S&P จะติดตามการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศที่เป็นรูปธรรม รวมถึงเสถียรภาพทางการเมืองที่อาจส่งผลกระทบต่อประสิทธิภาพการดำเนินนโยบายทางเศรษฐกิจและสังคมของประเทศในระยะปานกลาง

"การคงอันดับความน่าเชื่อถือของประเทศไทยและการคาดการณ์การเติบโตเศรษฐกิจไทยของ S&P  สะท้อนว่า การบริหารงานและมาตรการของรัฐภายใต้การกำกับของพลเอก ประยุทธ์  จันทร์โอชา  นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม  เดินมาถูกทาง ช่วยสนับสนุนการฟื้นตัวเศรษฐกิจ สร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ประกอบการ และนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศว่า เศรษฐกิจไทยปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่องด้วย" นายธนกร กล่าว






Recommend News






MOST POPULAR


























©2018 ONBNEWS. All rights reserved.