หมอมนูญ เผยทริคห่างไกลคลัสเตอร์ ท่องเที่ยวได้-ใช้ชีวิตปกติ
11 ต.ค. 2564, 12:00
นายแพทย์มนูญ ลีเชวงวงศ์ แพทย์เฉพาะทางด้านโรคระบบการหายใจ ผู้ป่วยหนัก และโรคผู้สูงอายุ หัวหน้าห้องไอซียู โรงพยาบาลวิชัยยุทธ ล่าสุด ได้ออกเผยข้อแนะนำ เกี่ยวกับการเดินทางท่องเที่ยว ใช้ชีวิตของประชาชนในช่วงนี้ โดยคุณหมอเผยว่า “หมอก็จะเที่ยวเหมือนกัน ทริคห่างไกลคลัสตอร์!! อยู่กับคนรู้จัก-เว้นระยะห่างคนแปลกหน้า” สามารถเดินทางท่องเที่ยวได้ปกติ เพราะคนส่วนใหญ่ได้รับการฉีดวัคซีนแล้ว ถึงแม้ว่าจะยังติดเชื้อได้ แต่อาการจะไม่รุนแรงมาก จะเป็นเหมือนไข้หวัดธรรมดาทั่วไป ซึ่งประชาชนสามารถใช้ชีวิตปกติได้แล้ว โควิดไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด เพราะคนที่มีอาการรุนแรงมาจากกลุ่มเสี่ยงเป็นส่วนมาก คือ ผู้สูงอายุ คนที่มีโรคประจำตัว และหญิงตั้งครรภ์
คนทั่วไปโดยรวม ถ้าป่วยก็ป่วยไม่มาก เพราะฉะนั้นเราก็ต้องดูว่าเราอยู่ในกลุ่มไหน อย่างเด็กเวลาติดเชื้อไม่อันตรายก็เหมือนเป็นหวัดธรรมดา ถ้าอยู่ในกลุ่มเสี่ยง ก็ต้องรีบไปฉีดวัคซีน ฉีดแล้วโอกาสที่จะติดก็มี แต่ว่ามันจะไม่ป่วยหนัก เราต้องเรียนรู้อยู่กับโรคนี้ เพราะโรคนี้ไม่มีวันจะหายไป อีกหน่อยก็จะกลายเป็นโรคประจำถิ่น มันก็จะมีตลอดเวลา ในทุกพื้นที่ วันหนึ่งเราก็จะติด แต่ถ้าติดหลังจากที่เราฉีดวัคซีนมันก็จะไม่เป็นไร
โดยยังคงต้องสวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา, เว้นระยะห่าง, ล้างมือบ่อยๆ คือ ไม้ตายเดิมที่ยังใช้ได้ผล ในเวลาที่จะไปในแหล่งที่มีคนเยอะๆ และที่สำคัญคือ ควรอยู่เฉพาะในกลุ่มตัวเอง อย่าไปใกล้คนไม่รู้จัก คนในพื้นที่บางจังหวัด อย่างที่ภูเก็ต เขาก็ยังมีการติดเชื้อกันอยู่ ทั้งที่ก็ฉีดวัคซีน 2 เข็มแล้ว เพราะการฉีดวัคซีนก็ไม่ได้เป็นการยืนยันว่าจะไม่ติดเชื้อ ก็เป็นการติดในพื้นที่ คนในพื้นที่ก็มีความเสี่ยงที่จะติด เพราะเขาอยู่ด้วยกัน แต่เราไปเที่ยวเราก็ไม่ได้อยู่ใกล้ชิดกับคนในพื้นที่
เราไปเที่ยวกับคนที่เรารู้จัก อยู่ด้วยกัน เวลาคนในครอบครัวอยู่ในบ้านเดียวกัน เราก็ไม่ใส่หน้ากากอนามัย เพราะถ้าใส่หน้ากากทั้งวันทั้งคืนเป็นไปไม่ได้ ถ้าอยู่ในบ้านเดียวกัน ก็ไปเที่ยวด้วยกัน นั่งในรถคันเดียวกัน กินอาหารร่วมกันได้ ความเสี่ยงคนรู้จักกัน หรือคนที่อยู่บ้านเดียวกัน จะน้อยกว่าเจอคนที่ไม่รู้จัก เราไม่รู้จักเขา และเขาอาจจะอยู่ในระยะแพร่เชื้อ อาจจะไอ จามมาให้เราติดเชื้อได้
สำหรับสถานที่ท่องเที่ยว หรือร้านอาหาร โดยเฉพาะแลนด์มาร์กที่สังคมหวั่นว่าจะเกิดคลัสเตอร์ขึ้นในอนาคต ควรมีมาตรการป้องกันที่ชัดเจน เปิดหน้าต่าง และประตู เพื่อที่จะให้อากาศสามารถถ่ายเทได้สะดวก ส่วนด้านนักท่องเที่ยวก็ควรเลือกอยู่ในที่โล่ง มากกว่าห้องที่ปิดมิดชิด
เดินทางขึ้นเครื่องบิน เดี๋ยวนี้การติดเชื้อในเครื่องบิน ก็ไม่ได้ติดกันง่ายๆ เพราะระบบถ่ายเทอากาศในเครื่องบิน มันดีกว่าในรถยนต์ หรือในรถไฟด้วยซ้ำ เพราะฉะนั้นเราไปก็ใส่หน้ากากอนามัยตลอดเวลา สมมติว่า เราไปเที่ยว เรานั่งรถส่วนตัวของเราเอง มันก็ไม่อันตราย เพราะไม่ได้นั่งปะปนกับคนอื่น สมมติจะไปเที่ยวแบบนั่งรถโดยสาร ก็มีความเสี่ยง เพราะว่าบางคนอาจจะมีเชื้อโรคอยู่ ไม่รู้ว่าใครมาจากที่ไหนกันบ้าง ถ้าเป็นไปได้ก็อาจจะไปรถส่วนตัวมากกว่า หรือไปเครื่องบิน เพราะถือว่าการเดินทางไม่น่าจะเสี่ยงอันตราย
"หมอก็จะไปเที่ยวเหมือนกัน เพราะไม่ได้เที่ยวมานานแล้ว แต่ว่าก็ต้องระมัดระวังตัวต่อไป ไม่ว่าจะไปที่ไหนๆ ก็ควรจะใส่หน้ากากไว้ และก็พยายามอยู่ห่างจากคนที่เราไม่ค่อยรู้จักเท่าไหร่ หมั่นล้างมือ อย่าเอามือมาจับจมูก จับตา และฉีดวัคซีนไปแล้ว เราก็จะปลอดภัย เราก็จะอยู่กับมันได้ เราไม่ต้องกลัวมัน เราต้องอยู่กับมัน อยู่อย่างมีสติ และก็ไปเที่ยว ทำใจให้สบาย อย่าไปกังวลกับโรคนี้มากนัก อีกหน่อยก็จะเป็นแค่ไข้หวัดใหญ่ธรรมดานี่แหละ และยังจะเป็นอยู่ทุกปี"
นอกจากนี้ หมอมนูญ ยังได้เผยอีกว่า การจะมีภูมิคุ้มกันได้มีแค่ 2 อย่างเท่านั้น คือ คนที่ติดโควิดไปแล้ว และหายแล้ว ถือว่ามีภูมิคุ้มกันตามธรรมชาติ และอีกวิธีหนึ่งก็คือ การสร้างภูมิคุ้มกันด้วยการฉีดวัคซีน ให้ได้เกินกว่าร้อยละ 80 ของประชากรในประเทศ ซึ่งตอนนี้ยังไม่เกิดขึ้นที่ประเทศไทย เพราะคนยังไม่ได้ฉีดวัคซีนเยอะขนาดนั้น เลยถือว่ายังมีความเสี่ยงอยู่