สระบุรีน้ำท่วม ลดแล้วตลิ่งพัง ต้นไม้ใหญ่ล้ม-บ้านเรือนเสียหาย
13 ต.ค. 2564, 15:02
วันที่ 13 ตุลาคม 2564 . จากกรณีที่มีภัยพิบัติแม่น้ำป่าสักเอ่อท่วมล้นในตัวเมืองจังหวัดสระบุรี ตลอดทั้งแนว 2 ฝั่ง นานกว่า 10 วัน จนในขณะนี้น้ำได้ลดลงอยู่ในสภาพปกติแล้ว ประชาชนดีใจได้รีบทำความสะอาด เก็บกวาดบ้านเรือนกันอย่างเหน็ดเหนื่อย บางบ้านก็สภาพพังเสียหายเยอะ บางบ้านก็ไม่มากนัก ทางเทศบาลเมืองสระบุรี จึงได้ให้เจ้าหน้าที่ออกสำรวจตรวจสอบ ถ่ายรูปบ้านที่เกิดภัยพิบัติจากน้ำท่วมในเขตเทศบาลเมืองสระบุรี เพื่อหาทางเยียวยาช่วยเหลือต่อไป
เมื่อเช้าตรู่ของวันนี้ นาย สุวิชา ศิริบุญ ประธานสภาเทศบาลเมืองสระบุรี ได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่า ตลิ่งแม่น้ำป่าสัก ถ.เทศบาล 5 ต.ปากเพรียว อ.เมือง จ.สระบุรี หลังวัดดาวเรือง ได้เกิดดินสไลด์ทรุดตัว จึงได้เดินทางพร้อมกับเจ้าหน้าที่ไปดูในที่เกิดเหตุ พบ บ้านเรือนจำนวน 2-3 หลัง ดินสไลด์ทรุดตัวพังลงไปกับกระแสน้ำ ทำให้คานบ้านลอยอยู่กลางอากาศไม่มีเสารับครึ่งหลัง ต้นก้ามปูอายุกว่า 100 ปี ได้โคล่นล้ม และก่อไผ่ขนาดใหญ่ได้ล้มทับกัน ข้าวของในบ้านล่วงหล่นจากบ้านเป็นจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็น ตู้เย็น ตู้กับข้าว และอื่นๆ แต่ถ้าเกิดน้ำยังไหลเซาะตลิ่งอยู่ตลอด บ้าน 2 – 3 นี้อาจจะโคล่นพังลงมาก็ได้ ตอนนี้อยู่ได้เพราะมีต้นก้ามปูขนาดใหญ่อีกต้นหนึ่ง อยู่ข้างบ้านทั้ง 3 หลัง น่าจะมีรากยึดบ้านเอาไว้ จึงทำให้บ้านยังไม่โคล่น เจ้าหน้าที่เทศบาลจึงได้ช่วยกันตั้งเต็นท์ 2 เต็นท์ขนาดใหญ่ และช่วยขนข้าวของออกจากบ้านมาไว้กลางถนนจนหมด ตอนนี้ 2 หลังก่อนที่ไม่น่าไว้วางใจ และปิดกลั้นห้ามคนเข้า-ออก ภายในบ้าน เนื่องจากดินข้างบ้านมีรอยแยก และบ้านยังเอียงอีกต่างหาก กลัวว่าบ้านจะโคล่นพังลงสู่แม่ป่าสัก จะได้รับอันตราย
จากกรณีที่ตลิ่งทรุดตัวในครั้งนี้ นาง ปวีณา แก้วบุดดา อายุ 59 ปี (บ้านหลังแรกที่ดินสไลด์ออกจากใต้บ้านไปครึ่งหลังแล้ว) เล่าว่า ช่วงเวลา 03.00 น. ต้นไม้ใหญ่ริมแม่น้ำ ล้มลงแม่น้ำไปก่อน ต้นก้ามปู อายุ 100 ปี และก่อไผ่ ก็ลงไปหมด ในครัวบ้านของตนก็พังหายไปครึ่งนึง เหลือแต่ตัวบ้าน มีสิ่งของได้ลอยน้ำไปหมด ไม่ว่าจะเป็น ตู้กับข้าว 3 หลัง ตู้เย็น เตาแก็ส และของใช้จุกจิก ไม่มีสามารถเอาอะไรขึ้นมาได้เพราะไม่ทัน ซึ่งตนอยู่บ้านแค่คนเดียว เพราะสามีและลูกเสียชีวิต จึงได้โทรตามชาวบ้านให้มาช่วยจนถึงตอนนี้ จึงวอนอยากให้ช่วยเหลือ เพราะบ้านไม่มีอยู่ มีแต่ก็พังลงน้ำไปหมดแล้ว ส่วนบ้านหลังข้างๆก็จะทรุดเหมือนกัน เบื้องต้น อยากขอที่อยู่อาศัยก่อน และอยากให้ช่วยซ่อมบ้าน ซึ่งตอนนี้เดือดร้อนจนบอกไม่ถูก
ต่อมา นาย บัณฑิต หารณรงค์ (บ้านหลังที่ 2 ติดกับหลังแรก ) ยังเล่าอีกว่า ตนอาศัยอยู่ในบ้านนี้ด้วยกัน 3 คน ช่วงเวลา 03.00 น. ตนได้ยินเสียงนึกว่าฟ้าร้อง จึงได้ลุกขึ้นมาดู เห็นต้นไม้และก่อไผ่ล้ม ตกใจมาก จึงได้เปิดประตูหน้าต่างโผล่ออกไปดู ตนสั่นไปหมด ตอนนี้บ้านของตนด้านล่างโดนน้ำเซาะหายไปครึ่งนึงแล้ว ช่วงห้องน้ำกับครัว ส่วนความรู้สึกช่วงที่เห็นตอนต้นไม้ล้ม บอกไม่ถูก สั่นไปหมด พอช่วงตี 4 มันเริ่มขยับอีก ตนกับแฟน 2 คน จึงได้ช่วยกันขนของออกมา บ้านตนเป็นหลังที่ 2 เพราะหลังแรกโดนไปแล้ว จึงอยากวอนให้หน่วยราชาการช่วยเหลือ ตรงที่ดินมันสไลด์ เพราะถ้าไม่ทำตรงนั้นห้องน้ำห้องครัวก็อยู่ไม่ได้ เพราะบ้านอาจจะพัง ได้
ทางด้าน นาย สุวิชา ศิริบุญ ประธานสภาเทศบาลเมืองสระบุรี กล่าว่าว ตอนนี้เราก็ได้นำเต็นท์มาช่วยประชาชน และเดี๋ยวจะมีถุงยังชีพมา ระหว่างนี้เรากำลังให้เจ้าหน้าที่สำรวจว่า จะได้รับความเดือดร้อนอะไรบ้าง จะได้ขอทางราชการมาช่วยเรื่องบ้านทรุด เพราะว่าตอนนี้หายไปครึ่งหลังแล้ว ซึ่งตอนนี้ทรุดไปแค่ 1 หลัง ทางด้านขวามือ และก็มีอีก 2-3 หลัง ที่น้ำกำลังเซาะอยู่ข้างใต้ เป็นคานลอยอยู่ไม่มีเสารับ เราห่วงว่าอีกไม่นานคงจะหักและทรุดลงไปแน่นอน ซึ่งตอนนี้ทำอะไรไม่ได้ ต้องให้กระแสน้ำหยุดนิ่ง แล้วให้เจ้าหน้าที่ลงไปตรวจสอบอีกครั้งหนึ่ง ว่าจะทำอย่างไร ไม่ให้บ้านโคล่นล้มลง จึงได้รีบเร่งด่วนมาแต่เช้า เพราะบ้านมันทรุดตั้งแต่ ตี3 แล้ว ในเบื้องต้นเราได้จัดคนมาช่วยขนย้ายสิ่งของเข้าเต็นท์ อาหาร ถุงยังชีพ และหลังจากนั้นในการช่วยเหลือบ้านทรุดลงไป เราก็ยื่นเรื่องต่อทางเทศบาล และอำเภอ เพื่อของบประมาณมาช่วยเหลือชาวบ้าน และกำลังคิดวางแผนว่า ถ้าทางราชการมีงบมากพอ ต้องทำเขื่อนกลั้น เพราะไม่อย่างนั้นมันก็จะเซาะไปเรื่อยๆ โครงการนี้ต้องเสนอ เป็นหน้าที่ เพราะต้องช่วยเหลือชาวบ้าน