บิ๊กป้อม ลุยขอนแก่นเกาะติดสถานการณ์น้ำ มอบถุงยังชีพ ยันไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง
14 ต.ค. 2564, 13:29
วันที่ 14 ตุลาคม 2564 พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรี ตรวจติดตามสถานการณ์น้ำท่วม ที่ศาลากลางจังหวัดขอนแก่น โดยได้รับฟังการนำเสนอภาพรวมสถานการณ์น้ำในพื้นที่ของจังหวัดขอนแก่น ภาพรวมของการบริหารจัดการน้ำตามมาตรการกองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) และแผนการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมทั้งระบบของสำนักงานคณะกรรมการน้ำแห่งชาติ การบริหารจัดการน้ำของเขื่อนอุบลรัตน์ แนวทางการบริหารการจัดการน้ำของชลประทานและพยากรณ์อากาศในพื้นที่
จากนั้นพลเอกประวิตร ได้เป็นประธานกดปุ่มเพิ่มความสุข ด้วยการเปิดเดินเครื่องสูบน้ำระยะไกลเติมน้ำต้นทุนเพื่อแก้ปัญหาภัยแล้งใน 2 พื้นที่ คือ พื้นที่ อ.ภูเวียง ที่ประสบปัญหาแล้งซ้ำซาก สูบน้ำจากฝายลำบอง ไปเติมในอ่างเก็บน้ำโสก-รวก และจุดที่ 2 คือ พื้นที่ อ.ชุมแพ สูบน้ำจากฝ่ายโคก ไปเติมแหล่งเก็บกักไว้ที่สระโพนทอง ซึ่งจะใช้ระยะเวลาดำเนินการประมาณ 40 วัน
ต่อจากนั้นพลเอกประวิตร และคณะ ได้เดินทางไปเยี่ยมให้กำลังใจชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม ที่วัดโพธิ์บัลลัง บ้านดอนแดง ต.ดอนหัน อ.เมือง และที่วัดเทพปูรณารามหรือวัดบ้านหนองบัวดีหมี หมู่ 20 ต.ท่าพระ อ.เมือง ที่ถูกน้ำท่วมสูง ซึ่งปัจจุบันน้ำลดระดับลงแต่มีบางจุดที่ยังมีน้ำท่วมขัง และพบปะพูดคุยกับผู้นำชุมชน มอบถุงยังชีพรวมจำนวน 600 ชุด เพื่อเป็นขวัญกำลังใจแก่ชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบ
พลเอกประวิตร กล่าวว่า รัฐบาลได้ขับเคลื่อนแผนแม่บทการบริหารจัดการน้ำ ซึ่งถือเป็นเรื่องสำคัญ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องบริหารจัดการน้ำเพื่อให้ประชาชนมีน้ำอุปโภคบริโภคไปตลอดฤดูแล้ง โดยรัฐบาลได้จัดหาเครื่องผลักดันน้ำจำนวน 28 เครื่อง เพื่อใช้ในพื้นที่ดอนให้ประชาชนได้มีน้ำกินน้ำใช้ และจะจัดหามาเพิ่มเติมอย่างต่อเนื่อง โดยรัฐบาลจะให้ความช่วยเหลือประชาชน เกษตรกรในพื้นที่ภาคอีสาน ทุกจังหวัดที่ได้รับผลกระทบอย่างเต็มที่ และจะไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลังเป็นอันขาด
สำหรับสถานการณ์อุทกภัยบริเวณแม่น้ำชียังไม่คลี่คลาย โดยเขื่อนอุบลรัตน์ได้ปรับลดการระบายน้ำเหลือวันละ 10 ล้านลูกบาศก์เมตร เพื่อลดผลกระทบจากปริมาณน้ำที่ไหลจากจังหวัดขอนแก่นไปยังมหาสารคาม ร้อยเอ็ด และยโสธร ขณะนี้เขื่อนอุบลรัตน์ยังคงมีน้ำไหลเข้าต่อเนื่อง ปัจจุบันมีปริมาณน้ำร้อยละ 93 ของความจุ เหลือพื้นที่รองรับน้ำได้อีก 177 ล้านลูกบาศก์เมตร คาดจะเต็มความจุในวันที่ 20 ตุลาคม จึงจำเป็นต้องติดตามสถานการณ์น้ำต่อเนื่อง
ที่มา khaosod