ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจากประชาชนว่า ที่ ศูนย์วัฒนธรรม อำเภอสูงเนิน จังหวัดนครราชสีมา ซึ่งถูกทิ้งร้างมานานกว่า 20 ปี พบว่ามีป่าหญ้า ต้นไม้ ขึ้นรกทึบ ตัวอาคารมีร่องรอยการชำรุดหลายแห่ง ไม่ว่าจะเป็นประตู หน้าต่าง ตัวอาคาร ห้องน้ำ ซึ่งจากการเดินตรวจสอบ พบมีร่องลอยคนเข้าไปบริเวณข้างใน คาดว่าน่าจะเป็นกลุ่มวัยรุ่นเข้าไปมั่วสุม ซึ่งจากการเดินตรวจสอบรอบๆศูนย์วัฒนธรรม ซึ่งมีทั้งหมด 2 ชั้น พบว่าบริเวณชั้นล่าง จะเป็นห้องโถงโล่ง ซึ่งปรากฏพบ ธรรมจักรเสมา พระนอนหินทราย เครื่องปั่นดินเผา จำลองมีภาพชำรุด  อีกทั้งยังมีป้ายคำขวัญอำเภอสูงเนินติดอยู่ข้างฝาผนังว่า ถิ่นเดิมโคราช พุทธไสยาสน์ศิลา ธรรมจักรล้ำค่า ปราสาทหินโบราณ ส้มโอหวานรสดี ประเพณีกินเข่าค่ำ แดนธรรมวะภูแก้ว

ส่วนบริเวณชั้น 2 ทำให้ทีมข่าวถึงกับตกใจเป็นอย่างมาก เพราะพบ โครงกระดูกโบราณ ค่อนข้างสมบูรณ์ ไม่ทราบเพศ และเครื่องปั่นดินเผา บรรจุอยู่ในกล่องพลาสติก จำนวน 2 กล่อง และมีธูป 7 ดอก อยู่ในตู้กระจกที่ทำขึ้นมาโดยเฉพาะ ถูกทิ้งไว้ นอกจากนี้ใกล้กัน ยังพบแผ่นศิลาฤกษ์ ระบุข้อความว่า ดวงฤกษ์อาคารศูนย์วัฒนธรรม อำเภอสูงเนิน จังหวัดนครราชสีมา สมภพฤกษ์ ศุภวารดิถีมงคล ปีวอก จ.ศ.1354 สุรทินที่ 8 มิถุนายน พ.ศ.2535 อุดมมงคลวางศิลาฤกษ์เวลา 09.59 น. นายสุวัฒน์ ตันประวัติ นายอำเภอสูงเนิน ประธานกรรมการดำเนินงาน นายดำรง รัตนพานิช ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา คนที่ 37 ในสมัยนั้น เป็นประธานพิธี ซึ่งปัจจุบัน จังหวัดนครราชสีมา มีผู้ว่าราชการจังหวัด ทั้งหมด  52 คนแล้ว

ด้านนายเจริญ สวาสโพธิ์กลาง อายุ 50 ปี ชาวอำเภอสูงเนิน เปิดเผยว่า ต้องการให้หน่วยงาน โดยเฉพาะเทศบาลสูงเนิน หางบประมาณมาทำให้เกิดประโยชน์เพราะว่าไม่รู้จะกี่ยุคกี่สมัย กี่นายก ศูนย์วัฒนธรรมก็ถูกปล่อยทิ้งร้างไว้แบบนี้ นานกว่า 20 ปี อีกทั้งยังมีโครงกระดูกมนุษย์โบราณที่ขุดมา ก็นำมาเก็บไว้ที่ศูนย์วัฒนธรรมแห่งนี้ จำนวนมาก แต่ก็มีการเครื่องย้ายไปเก็บไว้ที่อำเภอพิมาย แต่คงเก็บไปไม่หมดและเหลือโครงกระดูกทิ้งไว้ให้ดูต่างหน้าแบบไม่สนใจ จึงอยากให้นำไปเก็บไว้ในที่เหมาะสม นอกจากนี้ยังพบว่า มีวัยรุ่น ชอบมามั่วสุม ในสถานที่แห่งนี้ ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็พยายามมาสอดส่องอยู่เป็นประจำ หลังจากนั้นก็เงียบหายไป และก็กลับมามั่วสุมกันใหม่อีกรอบ จึงอยากให้ ไม่ว่าจะเป็นหน่วยงาน ทั้งเทศบาลสูงเนิน ,อบจ ,สำนักงานการศึกษาเขต 4 นครราชสีมา ที่โยนความรับผิดชอบกันไปมา ว่าใครเป็นเจ้าของความรับผิดชอบตัวจริง ช่วยกันพัฒนาศูนย์วัฒนธรรม แห่งนี้ให้กลับมาใช้งานได้ตามปกติ เพราะเสียดายงบประมาณที่สร้างไปก่อนหน้านี้ และน่าจะทำให้เกิดประโยชน์ เพื่อคนอำเภอสูงเนิน มากว่าที่เป็นอยู่