จากกรณีที่ น.ส.ฝน  อายุ 16 ปี นักเรียนชั้น ม.4 โรงเรียนมัธยมชื่อดังแห่งหนึ่งใน จ.บุรีรัมย์ รับประทานส้มตำปูปลาร้า จากร้านค้าในหมู่บ้าน แล้วเกิดอาการท้องร่วงรุนแรงจนช็อกเสียชีวิตเมื่อวันที่ 25 ส.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งทางสาธารณสุขจังหวัดก็ได้ส่งเจ้าหน้าที่ ลงพื้นที่สอบสวนโรคเพื่อหาสาเหตุการเสียชีวิตที่แท้จริง พร้อมเตรียมเก็บตัวอย่างปลาร้าร้านส้มตำที่ถูกระบุไปส่งตรวจ ว่ามีสารปนเปื้อนชนิดใดหรือไม่    อย่างไรก็ตามครอบครัวไม่ได้ติดใจสาเหตุการเสียชีวิต ขณะที่นางสำรวย อายุ 50 ปี แม่ค้าขายส้มตำ ออกมาเปิดใจว่า ตนเองเปิดขายส้มตำมาเกือบ 1 ปีแล้ว ที่ผ่านมาก็จะซื้อปลาร้าจากร้านประจำในตลาดเทศบาลเมืองบุรีรัมย์ มาเป็นวัตถุดิบในการตำส้มตำขาย ซึ่งก็จะใช้ปลาร้าดิบที่ซื้อมาตำให้กับลูกค้าไม่ได้มีการปรุงแต่งหรือต้มให้สุก ซื้อมาแบบไหนก็ใส่แบบนั้น  เพราะส่วนใหญ่ก็จะชอบกินปลาร้าดิบมากกว่า เพราะมีกลิ่นหอมและรสชาตินัวอร่อยกว่าปลาร้าที่นำไปต้มสุก    

ที่ผ่านมา ป้าขจร แม่ของน้องฝนผู้เสียชีวิตก็จะมาซื้อส้มตำที่ร้านตนเองไปกินเป็นประจำ ทุกครั้งก็จะสั่งตำธรรมดาไม่ใส่ปลาร้าเพราะป้าขจรบอกว่ากินปลาร้าไม่ได้จะมีอาการคัน  แต่วันที่ 24 ส.ค. ป้าขจร  ด้มาสั่งซื้อตำปูปลาร้าที่ร้าน บอกว่าจะไปกินกับลูกสาวเพราะลูกสาวอยากกินตำปูปลาร้า  ซึ่งช่วงนั้นตนเองไม่ว่างจึงให้หลานสาวเป็นคนตำให้  แต่ที่ร้านไม่มีปูหลานจึงใส่แต่น้ำปลาร้าให้  จากนั้นก็มาทราบข่าวว่าน้อง มีอาการท้องร่วงและเสียชีวิตในวันต่อมาก็ตกใจและรู้สึกเสียใจที่น้องมีอาการท้องร่วงเสียชีวิต หลังจากกินส้มตำจากร้านของตัวเอง แม้จะยังไม่มีการตรวจยืนยันว่าสาเหตุการเสียชีวิตว่าเกิดจากอะไร แต่ส่วนตัวไม่เชื่อว่าส้มตำปลาร้าจะเป็นสาเหตุทำให้น้องท้องร่วงเสียชีวิตได้  เพราะตนเองก็ชิมทุกครก และชาวบ้านในหมู่บ้านที่เป็นขาประจำ และลูกค้าที่ผ่านไปผ่านมาแวะซื้อ ก็ซื้อกินแต่ก็ไม่เคยมีอาการผิดปกติอะไร