"นายกฯ" เร่งเครื่องเตรียมเปิดประเทศ รับนักท่องเที่ยว 46 ประเทศความเสี่ยงต่ำกลุ่มแรก
22 ต.ค. 2564, 14:48
วันนี้ ( 22 ต.ค.64 ) นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ประกาศจำนวนกลุ่มประเทศที่มีความเสี่ยงต่ำ 45 ประเทศกับ 1 เขตบริหารพิเศษฮ่องกง ตามแผนเปิดรับนักท่องเที่ยวเข้าประเทศ โดยไม่ต้องกักตัว พร้อมย้ำให้ทุกหน่วยงานบูรณาการการทำงานร่วมกัน ดำเนินการอย่างรอบคอบ รัดกุม และคำนึงถึงสถานการณ์ด้านสาธารณสุข โดยนายกฯ เล็งเห็นว่า หากประเทศไทยต้องการดึงดูดนักท่องเที่ยวเข้ามาประเทศให้มากขึ้นเพื่อกระตุ้นภาคการท่องเที่ยว และภาคธุรกิจอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง ไทยจำเป็นที่จะต้องเดินหน้าให้เร็วขึ้น และทำตั้งแต่ตอนนี้ เพราะการที่จะรอให้ทุกอย่างสมบูรณ์แบบก่อนนั้น จะทำให้ช้าเกินไป อีกทั้งนักท่องเที่ยวอาจจะตัดสินใจเลือกเดินทางไปประเทศอื่นก่อน แม้การเร่งเดินหน้าอย่างรวดเร็วนี้จะมีความเสี่ยงที่จำนวนผู้ติดเชื้อจะเพิ่มสูงขึ้น แต่ก็เป็นความเสี่ยงที่เราต้องยอมรับ ประเทศไทยเอง มีความสามารถในการรับมือกับความเสี่ยงของโควิด-19 ได้ดีขึ้น และเราก็ต้องเรียนรู้ที่จะอยู่กับโควิด-19 ให้ได้
นายธนกร กล่าวว่า หลังจากที่ไทยได้ประกาศยกเลิกแผนการกักตัวประเทศอื่นๆ อาทิ อเมริกา อินโดนีเซีย (บาหลี) ฟิลิปปินส์ ออสเตรเลีย และมาเลเซีย ก็กำลังดำเนินการในลักษณะเดียวกัน รวมทั้งมีการผ่อนคลายมาตรการข้อบังคับต่างๆ และหลายๆ ประเทศที่เป็นนักท่องเที่ยวของประเทศไทย ก็เพิ่งประกาศผ่อนคลายให้ประชาชนของประเทศนั้น เดินทางออกนอกประเทศได้ง่ายขึ้น
นักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้าประเทศไทยจากกลุ่มประเทศที่มีความเสี่ยงต่ำดังกล่าวได้โดยไม่ต้องกักตัว จะต้องเป็นผู้ที่ฉีดวัคซีนครบโดสแล้ว เดินทางเข้าประเทศไทยโดยทางอากาศ และมีหลักฐานปลอดเชื้อโควิด โดยมีการตรวจก่อนออกเดินทาง และตรวจเมื่อมาถึงประเทศไทย ซึ่งจะมีผลตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายนนี้เป็นต้นไป แต่ทั้งนี้ทุกประเทศดังกล่าวคงต้องพิจารณาความเสี่ยงของประเทศไทยด้วยเช่นกัน ก่อนที่จะอนุญาตให้คนของประเทศเขาเดินทางมาประเทศไทยได้
โฆษกประจำสำนักนายกฯ กล่าวต่อว่า นายกฯ ได้กำหนดนโยบายเหล่านี้ต่อยอดจากความสำเร็จด้านการจัดการโรคในประเทศ เพื่อเพิ่มกิจกรรมทางเศรษฐกิจ และฟื้นฟูเศรษฐกิจ ซึ่งท่านนายกฯ ได้ขอบคุณกระทรวง และหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ที่ร่วมกันทำภารกิจที่เต็มไปด้วยความกดดันนี้ พยายามแก้ไขและจัดการ กฏระเบียบ ขั้นตอน และกระบวนการต่างๆ ในระยะเวลาอันสั้น และตระหนักดีว่า ทุกคนทุกฝ่ายพยายามกันอย่างเต็มที่ และได้สั่งการให้กระทรวงสาธารณสุขเร่งเครื่องการฉีดวัคซีนให้เร็วมากยิ่งขึ้นไปอีก รวมทั้งขอให้ทุกคนยังคงรักษามาตรการทางสาธารณสุข มีวินัยในการสวมหน้ากากอนามัย หมั่นล้างมือ และรักษาระยะห่างระหว่างบุคคลอยู่เสมอ