วันนี้ ( 24 ต.ค. 2564 ) ผู้สื่อข่าว ONB news รายงานว่า หลังพบข้อมูล บางส่วนเป็นที่หลบซ่อนและเกี่ยวข้องขบวนการขนแรงงานต่างด้าว พ.ต.อ พิพัฒน์ รุ่งสัมพันธ์ รักษาราชการแทน ผกก.สภ.สังขละบุรี ร่วมกับ ร.อ.นิกร ชุมศรี ผู้บังคับหมวด ควบคุมส่วนลาดตระเวน หน่วยเฉพาะกิจลาดหญ้าฯ นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.สังขละบุรี ทหารหน่วยเฉพาะกิจลาดหญ้าฯ  อ.ส. ตชด.ที่ 134 นายสนั่น กำสุข ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 8 บ้านซองกาเลีย ลงสำรวจเพิงพักและร้านค้าชั่วคราว จำนวน 12 หลัง ที่ก่อสร้างในเขตทางหลวงหมายเลข 323 ตั้งแต่บริเวณบ้านซองกาเลีย หมู่ที่ 8 ต.หนองลู อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี – บริเวณบ้านน้ำเกิ๊ก ระยะทาง 4 กม.  เพื่อเจรจากับเจ้าของ เพื่อขอให้ทำการรื้อถอนออกไปให้พ้นจากแนวเขตของทางหลวงแผ่นดิน ซึ่งเพิงและร้านค้าส่วนใหญ่ สร้างขึ้นมาจากวัสดุธรรมชาติ เช่น ไม้ไผ่และหญ้าคา เพื่อใช้เป็นที่จำหน่ายสินค้า เช่นไม้กวาด พืชผลทางการเกษตร รวมทั้งเครื่องดื่มและขนมขบเคี้ยว โดยบางเพิงถูกปล่อยให้ทิ้งร้างจนอยู่ในสภาพที่ใกล้จะพุพัง ซึ่งได้รับความร่วมมือจากเจ้าของเป็นอย่างดี

โดย พ.ต.อ.พิพัฒน์ รุ่งสว่าง ได้เปิดเผยถึงมาตรการในการขอความร่วมมือเจ้าของเพิงพักให้ทำการรื้อถอนในครั้งนี้ว่า สืบเนื่องจากการข่าวของหน่วยงานความมั่นคงพบว่าที่ผ่านมาขบวนการขนแรงงานต่างด้าว แอบอาศัยลักลอบเดินเท้าผ่านเส้นทางธรรมชาติจากประเทศเมียนมาเข้ามาหลบซ่อนอยู่ตามป่าติดถนนสาย 323 ตั้งแต่บ้านน้ำเกิ๊ก-บ้านซองกาเลีย เมื่อถึงกลางคืนจึงลักลอบเข้ามาพักในเพิงพักเหล่านี้ เพื่อรอรถที่จะมารับ ลักลอบเดินทางเข้าเมือง นอกจากนั้นยังพบว่า เจ้าของเพิงพักบางคน มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการขนแรงงานต่างด้าว และมักพบบุคคลที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการขนแรงงานต่างด้าว มาใช้สถานที่เพิงพักเหล่านี้เป็นที่คอยสังเกตการณ์และเฝ้าดูความเคลื่อนไหวของเจ้าหน้าที่

ด้วยเหตุนี้ทุกฝ่ายจึงมีความเห็นร่วมกับกรมทางหลวง ให้ใช้มาตรการขอความร่วมมือให้ทำการรื้อถอน เพื่อเป็นการบุกรุกพื้นที่ของทางราชการ และแก้ปัญหาขบวนการขนแรงงานต่างด้าวใช้เป็นที่พัก ซึ่งเจ้าของเพิงพักทั้ง 12 หลัง รับปากจะดำเนินการรื้อถอนให้แล้วเสร็จภายใน วันอังคารที่จะถึงนี้ ซึ่งเจ้าหน้าที่จะได้เข้ามาติดตามตรวจสอบอีกครั้ง

จากสถิติการจับกุมแรงงานต่างด้าวในพื้นที่ อ.สังขละบุรี ของ สภ.สังขละบุรี ในเดือน ตุลาคม 2564 พบว่า มีการจับกุม ดำเนินคดีทั้งหมด 5 คดี  จับกุมแรงงานต่างด้าวได้ทั้งหมด 120 คน ผู้นำพาชาวไทย 6 คน พาหนะในการทำความผิด เป็นรถเก๋ง 2 คัน รถยนต์กระบะ 1 คัน รถจักรยานยนต์ 4 คัน รถซาเล้ง 1 คัน