ศธ.มอบแนวทางเปิดเรียนแบบ On-Site เน้นความปลอดภัยนร.-นศ.เป็นหลัก
27 ต.ค. 2564, 11:15
นางสาวตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ได้มอบนโยบายในการเปิดภาคเรียนที่ 2 ประจำปีการศึกษา 2564 โดยถึงเวลาที่เด็กจะต้องไปเรียนที่โรงเรียน On-Site เพื่อทำให้ได้มีโอกาสรับการพัฒนาในทุกด้าน แม้ในภาคเรียนที่ 1 จะมีโรงเรียนจำนวนมากสามารถเปิดเรียนแบบ On-Site ได้ แต่ก็เฉพาะในต่างจังหวัด พื้นที่ห่างไกลปลอดโควิดหรือเป็นโรงเรียนขนาดเล็กนักเรียน 60 คน หรือไม่เกิน 120 คน เป็นโรงเรียนที่มีพื้นที่กว้างขวาง แต่เมื่อจำเป็นต้องอยู่ในมาตรการการป้องกันของศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) จังหวัด ภาพรวมของประเทศแทบทั้งหมดเป็นการเรียนแบบออนไลน์
ทั้งนี้การเตรียมการเปิดภาคเรียน ในภาคเรียนที่ 2 ของปีการศึกษานี้ ได้กำหนดวันที่ 1 พฤศจิกายนนี้ เป็นวันเปิดภาคเรียนพร้อมกันทั้งประเทศ แต่ก็มิได้เป็นกรณีบังคับ เพราะมีหลายโรงเรียน เช่น โรงเรียนนานาชาติ โรงเรียนที่มีลักษณะเฉพาะบางประเภท โรงเรียนประจำ โรงเรียนเด็กพิการ บางแห่ง ได้เปิดเรียนไปล่วงหน้าแล้ว หรือโรงเรียนสาธิตของมหาวิทยาลัย รวมทั้งโรงเรียนบางสังกัด อาจเปิดภาคเรียนภายหลัง ตามกำหนดเวลาเปิดปิดเทอมที่แตกต่างกันออกไป แต่โดยรวมโรงเรียนส่วนใหญ่ก็จะใช้วันที่ 1 พฤศจิกายนเป็นวันเปิดเรียนแบบ On-Site พร้อม ๆ กัน สิ่งที่จะต้องดำเนินการโดยกระทรวงศึกษาธิการ และหน่วยงานทางการศึกษา รวมทั้งสถานศึกษาทั้งประเทศ จึงต้องมีทิศทางที่เป็นไปในแนวเดียวกัน ต้องมีการจัดทำคู่มือกำหนดวิธีดำเนินการไว้ โดยแบ่งออกเป็นสามส่วน คือ
1.การเตรียมการในช่วงก่อนเปิดภาคเรียน ซึ่งเน้นไปที่การสร้างความปลอดภัยให้กับเด็ก อาทิโรงเรียนต้องมีการประเมินตนเองแบบเช็คลิสต์ ตามระบบ Sandbox Safety zone in School ประมาณ 20 ถึง 30 ข้อ เช่น การฉีดวัคซีนของนักเรียน ซึ่งศธ. กำหนดเป้าหมายไว้ว่าต้องเกิน 80 % การฉีดวัคซีนครูและบุคลากรกำหนดไว้ที่ 100% ความพร้อมด้านอาคารสถานที่ การทำความสะอาดบริเวณห้องเรียน ห้องอาหาร สนามเด็กเล่น และการบริการต่าง ๆ เช่นการสุ่มตรวจวัดด้วย ATK ช่วงเปิดเรียน การจัดเตรียมตารางเรียนที่สามารถสร้างระยะห่างให้เกิดขึ้นกับเด็ก การติดตามสภาพการระบาดในชุมชนรอบโรงเรียน รวมทั้งการขอให้ ศบค.จังหวัด เข้ามาตรวจสอบ รับรอง และอนุญาต การเปิดเรียน สิ่งที่ทุกฝ่ายต้องตระหนักคือต้องช่วยกันคิด ช่วยกันทำ ครูช่วยกันเตรียมโรงเรียนให้ปลอดภัย เตรียมจัดการเรียนการสอนให้มีคุณภาพ ต้องใปฉีดวัคซีนป้องกันให้ครบถ้วน ผู้ปกครองก็ต้องพาตัวเองและลูกหลานไปฉีดวัคซีนให้ได้มากที่สุดเว้นแต่มีเหตุจำเป็นจริง ๆ ชุมชนสังคมรอบข้าง ผู้ที่อยู่ในพื้นที่ก็ต้องช่วยทำให้จังหวัดปลอดโรค พ้นจากสถานการณ์แพร่ระบาด
2.การจัดการเรียนการสอนตั้งแต่นี้ไป จะต้องเน้นความปลอดภัยของผู้เรียนเป็นสำคัญ แต่ก็ต้องให้เด็กได้รับความรู้มากที่สุด การมาเรียนพร้อมกันทั้งโรงเรียนน่าจะเป็นเรื่องที่ทำได้ยาก อาจต้องมีการสลับเวลาเรียนสลับชั้นเรียน แบ่งเด็กออกเป็นกลุ่มเล็ก ๆ ใช้วิธีเรียนหลายอย่างประกอบกัน เช่นเรียนออนไลน์ในส่วนของเนื้อหาวิชาการ มาโรงเรียนเพียงบางวันเพื่อพบครูและเพื่อน ทำแบบฝึกหัดหรือกิจกรรมร่วมกัน มีการจัดค่าย เสาร์- อาทิตย์ เรียนว่ายน้ำ กีฬา ดนตรี กิจกรรมเสริมหลักสูตร เพื่อให้เด็กได้มีสัมพันธ์กับผู้อื่นในสังคม อาชีวศึกษา อาจต้องใช้ระบบ เรียนเป็นโมดูล หรือ บล๊อคคอร์ส เรียนเป็นกลุ่ม กลุ่มแรกเรียนหนึ่งเดือน จบหนึ่งวิชา จากนั้นกลุ่มที่สองก็มาเรียนต่อ เพื่อไม่ให้จำนวนผู้เรียนแออัดจนเกินไป ระดับมหาวิทยาลัยเน้นเรียนเนื้อหาจากระบบออนไลน์ และมาเรียนที่สถาบันเฉพาะในส่วนของกิจกรรม การเข้าห้อง Lab ฝึกปฏิบัติ การทำกิจกรรมกลุ่ม การฝึกงาน การจัดการเรียนการสอนเหล่านี้ ต้องเน้นบูรณาการ มีรูปแบบที่หลากหลาย และมุ่งให้ผู้เรียนได้รับการพัฒนาครบถ้วนในทุกด้าน ครูทุกคนมีความสามารถในการปรับตัวมาใช้ระบบออนไลน์อยู่แล้วในภาคเรียนที่ 1 หรือในปีที่ผ่านมา ซึ่งก็ทำได้ดีมาก เมื่อจะปรับระบบการเรียนการสอนอีกครั้งหนึ่งให้มีความหลากหลาย และบูรณาการ ก็เชื่อว่าจะไม่เกินความสามารถของครูไทย
3.การเตรียมแผนเผชิญเหตุ กรณีเกิดปัญหาขึ้นในโรงเรียน เช่น มีนักเรียนติดโควิดในบางชั้น บางระดับ หรือชุมชนรอบข้าง มีผู้ติดโควิดจำนวนมากหรือในบางกรณีครอบครัวของนักเรียนติดโควิด หรือนักเรียนติดโควิดจากโรงเรียนแล้วนำไปติดคนในครอบครัว การติดโควิดจากการนั่งรถนักเรียนหรือติดจากชุมชน แล้วส่งผลกระทบต่อโรงเรียน จำเป็นต้องมีการประเมินร่วมกันระหว่างสถานศึกษา หน่วยงานสาธารณสุขและทีม ศบค.จังหวัดในการกำหนดทิศทางหรือการแก้ปัญหาร่วมกัน จึงไม่ต้องแปลกใจหรือกังวลใจ หากจะมีโรงเรียนเปิดแล้ว และต้องปิด แล้วเปิดใหม่ สลับกันไปเป็นระยะ ถือได้ว่าเป็นความจำเป็นที่ต้องบริหารตามสถานการณ์