"ภรรยา" ร้องผ่านสื่อ "สามีวิศวกร" ถูก ตม.สปป.ลาว จับกุม บริษัทขู่ติดคุก 30 ปี - เรียกเงินกว่า 1.7 ล้าน ซ้ำร้าย!! ไร้หน่วยงานรัฐช่วยเหลือ
1 ก.ย. 2562, 15:53
วิศวกรชาวนางรอง บุรีรัมย์ ถูก ตม.ฝั่งลาว จับกักตัวอ้างโกงบริษัทรับเหมาใหญ่ในลาว ภรรยาวิ่งเต้นถามเรื่องคดีตำรวจ-อัยการฝั่งลาวระบุ ไม่พบหลักฐานการทำความผิด เชื่อถูกอิทธิพลเตะถ่วงนาน 10 เดือน แถมรองประธานบริษัทเรียกเงินกว่า 1.7 ล้านบาท พร้อมขู่ให้ติดคุก 30 ปี ขอความช่วยเหลือกงสุล และทุกหน่วยงานในไทย แต่ไม่ได้รับความช่วยเหลือแม้แต่หน่วยงานเดียว
วันที่ 1 ก.ย. 62 ผู้สื่อข่าว ONB news รายงานว่า น.ส.ขวัญตา ลัทธิ อายุ 47 ปี อยู่เลขที่ 166/1 ถนนโชคชัย-เดชอุดม ต.ถนนหัก อ.นางรอง จ.บุรีรัมย์ ร้องสื่อว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง หลังจากไปร้องขอความช่วยเหลือเพราะสามีถูกกักขังที่ ตม.ฝั่งประเทศสาธารณรัฐประชาชนลาว นานกว่า 10 เดือน น.ส.ขวัญตา เล่าว่า นายกิตติเดช ลัทธิ สามีตน ทำงานเป็นวิศวกรโยธา ให้กับบริษัทรับเหมายักษ์ใหญ่ระดับ Top Five ของประเทศสาธารณะรัฐประชาชนลาว ตั้งแต่ปี 2557 ได้รับค่าจ้างเงินเดือนละ 160,000 บาท เมื่อวันที่ 20 ต.ค. 2561 ได้มีเฮียสุ่ย (ชาวลาว) โทรมาแจ้งว่า นายกิตติเดช สามี ถูก ตม.ฝั่งประเทศลาว กักขังไว้โดยไม่ทราบสาเหตุ จึงรีบเดินทางไปพบสามีที่ ตม. ได้รับคำตอบจากเจ้าหน้าที่ว่า “ไม่มีข้อหาหนักเดี๋ยวคุยกันกับคู่กรณีก็จบแล้ว” แต่สิ่งที่ตนอยากรู้คือถูกจับในความผิดอะไร แต่ก็ไม่ได้รับคำตอบ
จนกระทั่งทราบว่า นายบุญเที่ยง พ่อตาของบริษัทพงษ์ทรัพย์ทวี ซึ่งเป็นนายจ้างแจ้งว่า จะต้องใช้เงินในการปล่อยตัว 1,750,000 บาท ฐานทำงานผิดพลาดให้กับบริษัท ตอนนี้เรื่องอยู่กับตำรวจ ตนก็วิ่งเต้นเพื่ออยากทราบข้อกล่าวหา ผ่านไป 4 เดือน มาทราบจากตำรวจลาวว่า นายกิตติเดช ลัทธิ สามีไม่มีความผิด เพราะไม่พบหลักฐานว่าช่อโกงตามบริษัทฯ กล่าวอ้าง แต่ก็ยังไม่ยอมปล่อยตัว มีการเตะถ่วงกันไปมา ตนจึงสอบถามสามี จนทราบว่า ตนกับประธานบริษัทไม่มีอะไร ให้เงินเดือนสูงถึง 160,000 บาท แถมยังยกรถ BMW ให้ 1 คัน ทำให้หลายคนในบริษัทไม่ค่อยพอใจ โดยเฉพาะ นายบุญเที่ยง พ่อตาประธานบริษัท จึงคิดว่าน่าจะหาวิธีกลั่นแกล้ง
น.ส.ขวัญตา กล่าวด้วยว่า จากนั้นได้ไปขอความช่วยเหลือที่กงสุลไทยประจำประเทศลาว เจ้าหน้าที่ให้เขียนคำร้องไว้ เวลาผ่านไปก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น สามีกลับถูกย้ายไปกักขังที่ “โพนต้อง” (ศูนย์กักกัน) จากนั้นได้กลับมาวิ่งเต้นเพื่อร้องขอความเป็นธรรมในประเทศไทย โดยยื่นร้องขอความช่วยเหลือกับผู้ตรวจการแผ่นดิน, กระทรวงต่างประเทศ, กรรมมาธิการสิทธิ์ฯ, รัฐมนตรีต่างประเทศ, สำนักนายกรัฐมนตรี และนายกรัฐมนตรี แต่จนถึงขณะนี้ผ่านไปกว่า 10 เดือน ยังไม่มีหน่วยงานใดออกมาให้ความช่วยเหลือ ทั้งที่สามีไม่ได้กระทำผิดกฎหมายในลาว
น.ส.ขวัญตา ยังกล่าวด้วยความน้อยใจว่า อยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเห็นใจคนไทยที่ไปทำงานต่างแดน เขาก็หวังพึ่งเจ้าหน้าที่ของไทยในการเข้าไปช่วยเหลือ แต่ครั้งนี้ตน และสามีไม่ได้รับการช่วยเหลือใดๆ ทั้งสิ้น ขนาดตนเคยเรียนกฎหมายยังขนาดนี้ ถ้าเป็นตาสีตาสา ที่ไปได้รับความเดือดร้อนในต่างประเทศจะทำอย่างไร ตอนนี้ถ้าฝั่งบริษัทในลาวจะเรียกเงิน 1.75 ล้าน ตนก็พร้อมจ่าย แต่ทำไมถ่วงเวลา หรือจะเป็นไปตามคำขู่ของกลุ่มอิทธิพลก่อนหน้านี้ว่า "จะให้สามีติดคุกไม่เห็นเดือนเห็นดาว 30 ปี"
จนกระทั่งทราบว่านายบุญเที่ยง พ่อตาของบริษัทพงษ์ทรัพย์ทวี ซึ่งเป็นนายจ้างแจ้งว่า จะต้องใช้เงินในการปล่อยตัว 1,750,000 บาท ฐานทำงานผิดพลาดให้กับบริษัท ตอนนี้เรื่องอยู่กับตำรวจ ตนก็วิ่งเต้นเพื่ออยากทราบข้อกล่าวหา ผ่านไป 4 เดือนมาทราบจากตำรวจลาวว่า นายกิตติเดช ลัทธิ สามีไม่มีความผิด เพราะไม่พบหลักฐานว่าช่อโกงตามบริษัทฯกล่าวอ้าง แต่ก็ยังไม่ยอมปล่อยตัว มีการเตะถ่วงกันไปมา ตนจึงสอบถามสามี จนทราบว่า ตนกับประธานบริษัทไม่มีอะไร ให้เงินเดือนสูงถึง 160,000 บาท แถมยังยกรถ BMW ให้ 1 คัน ทำให้หลายคนในบริษัทไม่ค่อยพอใจ โดยเฉพาะนายบุญเที่ยง พ่อตาประธานบริษัท จึงคิดว่าน่าจะหาวิธีกลั่นแกล้ง