เปิด ปิด การใช้งานคุกกี้ของ ทรูฮิต (Truehits Cookies)



อธิบดีฝนหลวงฯ ห่วงน้ำ 2 เขื่อนใหญ่ มีปริมาณน้อย เร่งปฏิบัติการรับมือภัยแล้ง


27 ต.ค. 2564, 17:04



อธิบดีฝนหลวงฯ ห่วงน้ำ 2 เขื่อนใหญ่ มีปริมาณน้อย เร่งปฏิบัติการรับมือภัยแล้ง




ผู้สื่อข่าว ONB news รายงานว่า อธิบดีฝนหลวง ห่วงน้ำต้นทุน 2 เขื่อนใหญ่ ลงพื้นที่การปฏิบัติงานของฝนหลวงภาคเหนือ เพื่อสำรองหน้าแล้งปี 65 เสริมการทำงานช่วยเหลือไฟป่า ในพื้นที่ภาคเหนือ การยับยั้งการเกิดพายุลูกเห็บ ปีนี้ปริมาณน้ำต้นทุน 2 เขื่อนใหญ่ภาคเหนือต่ำกว่าเป้า ลงพื้นที่เร่งรัด ติดตามปฏิบัติการเติมน้ำต้นทุนเขื่อนแม่กวง-เขื่อนภูมิพลในโค้งสุดท้ายปี 64 เพื่อสำรองไว้เป็นน้ำต้นทุนในการบริหารจัดการน้ำในช่วงฤดูแล้งปี 65 พร้อมเตรียมประยุกต์ใช้เทคโนโลยีการพ่นสารจากพื้นสู่ก้อนเมฆ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการปฏิบัติการฝนหลวงพื้นที่เขตเงาฝน บริเวณภาคเหนือ

นายสำเริง แสงภู่วงค์ อธิบดีกรมฝนหลวงและการบินเกษตรได้ลงพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อติดตามผลการปฏิบัติการฝนหลวงและการเติมน้ำต้นทุนให้กับเขื่อน/อ่างเก็บน้ำในพื้นที่ภาคเหนือ โดยช่วงเช้าได้เดินทางไปยังศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวงภาคเหนือ จ.เชียงใหม่ จากนั้นได้เดินทางต่อไปยังโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาแม่กวงอุดมธารา ตำบลลวงเหนือ อำเภอดอยสะเก็ด เชียงใหม่โดยมีนายรังสรรค์ บุศย์เมือง ผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวงภาคเหนือ จ.เชียงใหม่และนายอัธยา อรรณพเพ็ชร ผู้อำนวยการโครงการส่งน้ำ และบำรุงรักษาแม่กวงอุดมธาราและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้การต้อนรับ 

นายสำเริง แสงภู่วงค์ อธิบดีกรมฝนหลวงและการบินเกษตร กล่าวว่า ปัจจุบันแม้ในหลายพื้นที่ของภาคเหนือจะมีฝนตกอย่างหนักผนวกกับศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวงภาคเหนือ จ.เชียงใหม่ ได้ออกปฏิบัติการฝนหลวงอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้เขื่อนและอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่จังหวัดเชียงใหม่ มีปริมาณเพียงพอต่อการช่วยเหลือพื้นที่ภาคเกษตร แต่กรมฝนหลวงฯ ยังคงต้องเดินหน้าออกปฏิบัติการทำฝนหลวงไปจนถึงสิ้นเดือนตุลาคมนี้ โดยเน้นชี้เป้าเติมน้ำต้นทุนให้เขื่อนกักเก็บน้ำ หรือเพิ่มปริมาณน้ำเก็บกักให้กับ 2 เขื่อนใหญ่หลักๆ คือ เขื่อนแม่กวงอุดมธาราจังหวัด

เชียงใหม่และเขื่อนภูมิพลจังหวัดตากซึ่งปัจจุบันยังมีปริมาณน้ำต้นทุนต่ำกว่าเกณฑ์ เพื่อสำรองไว้เป็นน้ำต้นทุนในการบริหารจัดการน้ำในช่วงฤดูแล้งปี 2565 โดยสถานการณ์น้ำในเขื่อนแม่กวงฯ ณ วันที่ 25 ตุลาคมที่ผ่านมา ปริมาณน้ำในอ่าง 68 ล้าน ลบ.ม. หรือ 25.88% ของความจุอ่างฯ น้ำใช้การได้ 54 ล้าน ลบ.ม. ซึ่งถือว่าปริมาณน้ำต้นทุนยังอยู่ในเกณฑ์ต่ำอยู่มาก

อย่างไรก็ตาม สำหรับผลดำเนินงานปฎิบัติการทำฝนหลวงของ ศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวงภาคเหนือมีแผนปฏิบัติการฝนหลวงภาคเหนือ ประจำปี 2564 ที่ผ่านมานั้นรับผิดชอบดูแลพื้นที่การเกษตร 7 จังหวัด ได้แก่ เชียงใหม่ เชียงราย แม่ฮ่องสอน ลำพูน ลำปาง พะเยา และตากและเขื่อนขนาดใหญ่ จำนวน 6 แห่ง ได้แก่  1. พื้นที่ลุ่มรับน้ำเขื่อนภูมิพล 2.เขื่อนแม่งัดสมบรูณ์ชล 3.เขื่อนแม่กวงอุดมธารา 4. เขื่อนกิ่วลม 5. เขื่อนกิ่วคอหมาและ 6. เขื่อนแม่มอก โดยผลปฏิบัติการระหว่างวันที่ 1 ก.พ. – 24 ต.ค. 2564 ที่ผ่านมา (หน่วยงานปฏิบัติการฝนหลวงเชียงใหม่และตาก) หน่วยฯ เชียงใหม่ทำการบิน 142 วัน ส่วนหน่วยฯ ตากทำการบิน 110 วันรวม 706 เที่ยวบินช่วยเหลือครอบคลุมในพื้นที่เชียงใหม่ ตาก ลำพูน ลำปาง พะเยา เชียงราย และแม่ฮ่องสอน     

ส่วนผลปฏิบัติการฝนหลวงการช่วยเหลือพื้นที่เกษตรที่ประสบภัยแล้ง พบว่าบริเวณที่มีฝนตก 10 จังหวัด 76 (อำเภอ) ได้แก่ เชียงใหม่ เชียงราย ลำปาง ลำพูน พะเยา  ตาก แม่ฮ่องสอน แพร่ กำแพงเพชร สุโขทัย 

ข้อมูลจากการาการบินสำรวจพื้นที่การเกษตรในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ช่วงกลางเดือนตุลาคมที่ผ่านมา พบว่าในพื้นที่ทางการเกษตรในจังหวัดเชียงใหม่ อาทิ อ.แม่ริม  อ.แม่แตง อ.ไชยปราการ  อ.พร้าว และอ.เชียงดาว ข้าวระยะเริ่มแก่และมีบางส่วนเริ่มเก็บเกี่ยวได้แล้ว ส่วนพื้นที่ที่ปลูกข้าวโพด มีทั้งเริ่มออกดอกและเริ่มแก่  และมีหลายพื้นที่ปลูกมันฝรั่งและลำไย ใบเขียวสดและเริ่มมีการตัดแต่งกิ่งซึ่งถือว่าเป็นที่น่าพอใจ      

ส่วนผลปฏิบัติการฝนหลวงการเติมน้ำต้นทุนให้เขื่อนขนาดใหญ่ 6 แห่ง ในพื้นที่ภาคเหนือ ประกอบด้วย  เขื่อนภูมิพล เขื่อนแม่งัดสมบรูณ์ชล เขื่อนแม่กวงอุดมธารา  เขื่อนกิ่วลม  เขื่อนกิ่วคอหมาและเขื่อนแม่มอก ปริมาณน้ำไหลลงเขื่อนรวม 301.55 ล้าน ลบ.ม. ส่งผลให้ปัจจุบันเขื่อนทั้ง 6 แห่ง มีปริมาตรน้ำในเขื่อนรวม  8,238 ล้าน ลบ.ม.

อธิบดีกรมฝนหลวง กล่าวย้ำว่าแผนการปฏิบัติการฝนหลวงภาคเหนือ ประจำปี 2565ด้วยว่า แบ่งเป็น 4 ช่วง ช่วงที่ 1 (ระหว่างเดือนกุมภาพันธ์-เมษายน) จะเน้นแผนบรรเทาปัญหาหมอกควันและไฟป่า (ลดความหนาแน่นของหมอกควัน และลดปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 รวมทั้งการเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับพื้นที่ป่าไม้) ช่วงที่ 2 (ระหว่างเดือนมีนา-พ.ค.) เน้นแผนการยับยั้งการเกิดพายุลูกเห็บ (บรรเทาและลดความเสียหายจากการเกิดพายุลูกเห็บในพื้นที่การเกษตร) ช่วงที่3 (ระหว่างเดือน ก.พ.-ก.ย.) เน้น แผนการป้องกันและแก้ไขภัยแล้ง (สร้างความชุ่มชื้นให้กับพื้นที่ป่าไม้ และเพิ่มปริมาณน้ำฝนในพื้นที่เกษตรกรรม) และช่วงที่ 4 ( ระหว่างเดือน ก.พ.-ต.ค.) เน้นแผนการเติมน้ำต้นทุนให้เขื่อนกักเก็บน้ำ (เพิ่มปริมาณน้ำเก็บกักให้กับเขื่อนต่างๆ ทั่วประเทศ เพื่อสำรองไว้เป็นนำต้นทุนในการบริหารจัดการน้ำในช่วงฤดูแล้ง)

นอกจากนี้ กรมฝนหลวงฯ ยังมีแผนพัฒนาปฏิบัติการฝนหลวงให้ทันสมัยสอดคล้องกับสถานการณ์มากยิ่งขึ้น ด้วยการผลักดันโครงการวิจัยและพัฒนาการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีการพ่นสารจากพื้นสู่ก้อนเมฆเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการปฏิบัติการฝนหลวงสำหรับพื้นที่เขตเงาฝนบริเวณภาคเหนือของประเทศไทยอีกด้วย  ทั้งนี้เนื่องจากเห็นว่าพื้นที่ภาคเหนือมีลักษณะภูมิประเทศเป็นแนวเขาสูงทอดตัวยาวในแนวเหนือใต้ปกคลุมเป็นส่วนมากจึงทำให้เกิดเขตเงาฝนซึ่งได้รับปริมาณฝนค่อนข้างน้อยและไม่เพียงพอต่อกิจกรรมด้านการเกษตร ประกอบกับการปฏิบัติการฝนหลวงเพื่อช่วยเหลือพื้นที่เขตเงาฝนในบางครั้งอากาศยานไม่สามารถบินทำงานกับกลุ่มเมฆที่กำลังก่อตัวอยู่ในพื้นที่ได้เนื่องจากเหตุผลด้านความปลอดภัย ซึ่งปัจจุบันมีการใช้งานอยู่ในหลายประเทศ 

ด้านนายอัธยา อรรณพเพ็ชร ผู้อำนวยการโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาแม่กวงอุดมธารา กล่าวเพิ่มเติมว่า ปัจจุบันเขื่อน มีพื้นที่รับน้ำฝนเหนือเขื่อน 569 ตารางกิโลเมตร ปริมาณฝนเฉลี่ย 1,250 มม./ปี ปริมาณน้ำไหลลงอ่าง 250 ล้านลูกบาศก์เมตร/ปี สามารถจุน้ำได้ 263 ล้านลูกบาศก์เมตร เพื่อกักเก็บน้ำสำหรับการเกษตร และป้องกันน้ำท่วมบริเวณสองฝั่งของลำน้ำแม่กวงในเขตอำเภอดอยสะเก็ด สันกำแพง สารภี จังหวัดเชียงใหม่ และอำเภอป่าซาง อำเภอเมืองจังหวัดลำพูน     ทั้งนี้ ด้วยลักษณะลุ่มน้ำของเขื่อนที่มีขนาดเล็ก แต่ปริมาณความต้องการใช้น้ำในพื้นที่รับประโยชน์จากเขื่อนมีปริมาณมาก ทำให้ในช่วงเวลาที่ผ่านมาปริมาณน้ำเก็บกักในเขื่อนมีค่อนข้างน้อยซึ่งจำเป็นต้องมีการปฏิบัติการฝนหลวงเพื่อเพิ่มปริมาณน้ำฝนที่ตกลงสู่พื้นที่ลุ่มรับน้ำเขื่อน สำหรับเพิ่มปริมาณน้ำต้นทุนของเขื่อนสำหรับกิจกรรมทางการเกษตรมากขึ้น


 









Recommend News






MOST POPULAR


























©2018 ONBNEWS. All rights reserved.