ศิริราช เผยผลวิจัยเปรียบเทียบวัคซีนโควิดเข็ม 3 แบบฉีดเข้าผิวหนัง VS ฉีดเข้ากล้ามเนื้อ
31 ต.ค. 2564, 13:58
ศูนย์วิจัยคลินิก คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล รายงานผลวิจัยล่าสุด ณ วันที่ 28 ตุลาคม 2564 ถึงการทดลองฉีดวัคซีนโควิด-19 กระตุ้นเข็ม 3 โดยเปรียบเทียบการฉีดเข้าในชั้นผิวหนัง และฉีดเข้ากล้ามเนื้อ (แบบที่ฉีดกันในปัจจุบัน) ซึ่งผลวิจัยพบว่า ผู้ฉีดวัคซีนซิโนแวคครบสองเข็ม ถูกกระตุ้นเข็ม 3 ได้ดี ด้วยวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า และไฟเซอร์ ทั้งการฉีดเข้ากล้ามเนื้อ และเข้าผิวหนัง ส่วนผู้ฉีดวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า ครบสองเข็ม ควรกระตุ้นเข็ม 3 ด้วยวัคซีนไฟเซอร์ ซึ่งได้ผลดีทั้งแบบเข้ากล้ามเนื้อหรือผิวหนัง ดังนี้
1.กลุ่มฉีดวัคซีนซิโนแวคครบ 2 เข็ม
-ฉีดกระตุ้นเข็ม 3 ด้วยไฟเซอร์ เข้าในชั้นผิวหนัง 0.05cc ได้ระดับภูมิคุ้มกัน IgG 3,209 BAU/mL ซึ่งใกล้เคียงกับการฉีดเข้ากล้ามเนื้อในขนาด ครึ่งโดส(0.15cc) ซึ่งได้ระดับ 3,981 BAU/mL แต่ต่ำกว่าการฉีดเข้ากล้ามเนื้อ แบบเต็มโดส (0.3cc) ซึ่งให้ค่าเฉลี่ย 5,152 BAU/mL
-ฉีดกระตุ้นเข็ม 3 ด้วยแอสตร้าเซเนก้า เข้าในชั้นผิวหนัง 0.1cc ให้ระดับ IgG เฉลี่ย 2,810 BAU/mL ซึ่งสูงกว่าการฉีดเข้าชั้นกล้ามเนื้อซึ่งมีระดับเฉลี่ย 1,358 BAU/mL ประมาณ 2 เท่า
2.กลุ่มฉีดแอสตร้าเซเนก้าครบ 2 เข็ม
-ฉีดกระตุ้นเข็ม 3 ด้วยวัคซีนไฟเซอร์ เข้าในชั้นผิวหนัง 0.05cc ให้ระดับภูมิคุ้มกันสูง1,490 BAU/mL ใกล้เคียงกับการฉีดเข้ากล้ามเนื้อในขนาดครึ่งโดส (0.15cc) 1,962 BAU/mL แต่ต่ำกว่าการฉีดเข้ากล้ามเนื้อขนาดเต็มโดส (0.3cc) ซึ่งมีค่าเฉลี่ย 2,377 BAU/mL
-ฉีดเข็ม 3 ด้วยไฟเซอร์ ไม่ว่าจะเป็นเข้ากล้ามเนื้อหรือในชั้นผิวหนังให้ระดับภูมิคุ้มกันที่สูงกว่า หลังฉีดเข็ม 2 ของแอสตร้าเซเนก้า (278 BAU/mL) 5-8 เท่า
สรุป ผู้ที่ฉีดวัคซีนซิโนแวคสองเข็มสามารถถูกกระตุ้นได้ดีด้วยวัคซีนแอสตร้าเซเนก้า และไฟเซอร์เป็นเข็มที่ 3 ทั้งการฉีดเข้าชั้นกล้ามเนื้อ และเข้าในชั้นผิวหนัง ส่วนผู้ที่ฉีดวัคซีนแอสตร้าเซเนก้ามาแล้วสองเข็มควรกระตุ้นเข็ม 3 ด้วยวัคซีนไฟเซอร์ ซึ่งได้ผลดีทั้งแบบเข้ากล้ามเนื้อ หรือในผิวหนัง