เป็นเรื่องราวที่สุดช้ำใจในระดับหนึ่งเลย เมื่อ "เอลซี ซอนเดอร์ส" หญิงหม้ายชาวอเมริกันวัย 92 ปี จากเมืองเบเกอร์ รัฐลุยเซียนา ได้สูญเสีย "เดวิด ซอนเดอร์ส" ผู้เป็นสามี ได้ออกมาเปิดเผยว่า ภายหลังที่สามีของเธอได้จากไป จะต้องมาเผชิญกับเรื่องราวสุดสะเทือนใจที่ไม่เคยคาดคิดมาก่อน เมื่อเธอได้ตั้งใจบริจาคศพของสามีของเธอ เพื่อทำการวิจัย แต่กลับกลายเป็นอย่างอื่นซะงั้น  

หญิงหม้ายชาวอเมริกันรายนี้ กล่าวว่า สามีของเธอเสียชีวิตลงในวัย 98 ปี ด้วยโรคแทรกซ้อนภายหลังจากติดเชื้อโควิด-19 เมื่อปลายเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา และครอบครัวยินยอมให้บริจาคร่างกันไร้วิญญาณของเขาเพื่อนำไปทำการศึกษาวิจัย โดยได้เห็นร่างของสามีครั้งสุดท้ายที่โรงพยาบาล และถูกส่งไปที่สถานจัดพิธีศพในแบตันรูช แต่หลังจากนั้นร่างของสามีของเธอกลับถูกนำไปขึ้นโชว์การผ่าศพอย่างจริงจัง ในห้องของจัดแสดงของโรงแรม Portland Marriott เมื่อวันที่ 17 ตุลาคม 2564 ที่ผ่านมา ซึ่งมีการเก็บค่าเข้าชมจากสมาชิกในราคา 100-500 ดอลลาร์ หรือประมาณ 3,300-16,000 บาท) โดยในวันนั้นมีผู้เข้าร่วมชมประมาณ 70 คน 

ทั้งนี้ ศพของสามีของเธอนั้น ถูกมอบให้กับบริษัท Med Ed Labs ในลาสเวกัส ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนเพื่อการวิจัยทางการแพทย์ จากนั้นได้ส่งต่อให้ ศิลปินที่มีชื่อว่า Jeremy Ciliberto ซึ่งมีผู้ติดตามบน TikTok มากกว่า 1.1 ล้าน และสุดท้ายศพของสามีของเธอก็ถูกจัดอยู่ในงานจัดแสดงที่ใช้ชื่อว่า Oddities and Curiosities Expo

เอลซี ซอนเดอร์ส กล่าวว่า  "มันแย่มากกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับสามีของฉัน ฉันไม่รู้ว่าเขาจะถูกนำไปเป็นเหมือนตัวละครละครหรืออะไรสักอย่าง เขาถูกนำไปเป็นเครื่องมือในการโชว์การผ่าตัดต่อคนนับร้อยคน ก่อนหน้านี้ฉันต้องการที่จะบริจาคร่างกายของสามีเพื่อวัตถุประสงค์ทางวิทยาศาสตร์เท่านั้น เพราะเป็นสิ่งที่สามีของฉันต้องการ ฉันเสียใจและรู้สึกโกรธมากจริง ๆ"