วันที่ 25 พ.ย. 64 ผู้สื่อข่าว ONB news รายงานว่า นายจีระเกียรติ ภูมิสวัสดิ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี กล่าวว่า ขณะนี้ประเทศไทยอยู่ในช่วงฤดูหนาว ซึ่งฤดูนี้สภาพอากาศชื้นน้อยและแห้งรวมทั้งกระแสลมแรง สิ่งที่เกิดขึ้นบ่อยๆในช่วงฤดูนี้ก็คือการเกิดอัคคีภัย ไฟไหม้บ้านเรือนประชาชน รวมทั้งโรคทางเดินหายใจและเชื้อราทางผิวหนัง

เพื่อป้องกันการเกิดไฟไหม้ ขอให้ประชาชนชาวกาญจนบุรีทุกหลังคาเรือนหมั่นตรวจเช็คอุปกรณ์เครื่องใช้ฟ้าที่มีอยู่ในบ้านทุกชนิด หากพบว่าสายไฟมีสภาพเก่าเนื่องจากถูกใช้งานมาหลายปี ก็ขอให้รีบเปลี่ยนใหม่

ก่อนออกจากบ้านเพื่อไปทำงานให้ตรวจสอบก่อนว่าหม้อหุงข้าว พัดลม รวมทั้งตู้เย็น และเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่นๆทุกชนิด ยังเสียบปลั๊กอยู่หรือไม่ หากเสียบอยู่แต่ถ้าไม่จำเป็นก็ขอให้ถอดปลั๊กออกเสียก่อน โดยเฉพาะหม้อหุงข้าวกับพัดลม นอกจากนี้จะต้องดูแลเตาไฟรวมทั้งถังแก๊สให้ดีเพราะหากหุงอาหารเอาไว้ แล้วลืมออกไปข้างนอก อาจจะเป็นต้นเหตุของการเกิดไฟไหม้ได้เช่นกัน

นอกจากข้อควรระวังข้างต้นแล้ว สิ่งที่ลืมไม่ได้ก็คือการจุดธูปเทียนเพื่อบูชาพระ หากเป็นไปได้ ก่อนออกจากบ้านขอให้ดับธูปเทียนเสียก่อน โดยเฉพาะประชาชนที่มีบ้านเรือนเป็นไม้และมีสภาพเก่าจะต้องระวังให้ดี เพราะที่ผ่านมาบ้านเรือนที่ถูกไฟไหม้นั้นเกิดจากการจุดธูปเทียนเพื่อบูชาพระมาแล้วหลายครั้ง

ส่วนประชาชนที่อยู่ตามชนบทที่มีอากาศหนาวมากกว่าในเมือง หากมีการก่อไฟเพื่อป้องกันหนาว ก็ขอให้ระวังให้ดี เนื่องจากช่วงนี้มีกระแสลมแรงโดยเฉพาะเวลากลางคืน กระแสลมอาจจะพัดพาสะเก็ดไฟที่ก่อเอาไว้ปลิวไปไหม้บ้านเรือนของท่านก็เป็นไปได้ ซึ่งทุกคนจะต้องระวังให้ดี

ส่วนเรื่องโรคภัยไข้เจ็บที่มากับความหนาว เนื่องจากฤดูนี้อากาศค่อนข้างชื้นและแห้ง อาจจะทำให้หายใจไม่สะดวกโดยเฉพาะเด็กและผู้สูงอายุ รวมทั้งผู้ที่มีโรคประจำตัว ที่อยู่อาศัยควรมียาสามัญโรคประจำตัวติดบ้านเอาไว้ ผู้ที่แข็งแรงจะต้องหมั่นดูแลคนในครอบครัวให้ดี

หากคนในบ้านเกิดเป็นไข้หวัดและคั่นเนื้อคั่นตัวเพราะหายใจไม่สะดวก ก็ให้ใช้ยาสามัญที่มีอยู่ในบ้าน หากรักษาไม่ได้ ก็ควรรีบพาไปหาหมอ หากไม่มีรถก็ให้โทรแจ้งสายด่วน 1669 ของโรงพยาบาล หรือสายด่าน 191 ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้ไปรับหรือช่วยประสานมูลนิธิต่างๆที่อยู่ใกล้ที่สุดให้ไปรับเพื่อนำพาไปหาหมอที่โรงพยาบาลได้ทัน

อีกประเด็นที่น่าเป็นห่วงก็คือ การซื้อเสื้อผ้ากันหนาวมือสองนำมาสวมใส่เพื่อป้องกันอากาศหนาว หากซื้อมาแล้วจะต้องนำไปต้มน้ำร้อนแล้วค่อยนำมาซักเพื่อฆ่าเชื้อราที่ติดมากับเสื้อผ้า เพราะเราไม่รู้ว่าเสื้อผ้าที่เราซื้อมามีเชื้ออะไรติดมาบ้าง

หากประมาทก็อาจจะทำให้ติดเชื้อได้ โดยเฉพาะเชื้อราที่ก่อให้เกิดเป็นโรคผิวหนัง และที่สำคัญช่วงนี้อากาศมีความชื้นและแห้ง ทำให้ผิวของคนเราติดเชื้อราได้ง่าย หากติดแล้วจะทำให้สิ้นเปลืองกับค่ารักษาพยาบาลโดยใช่เหตุ

จึงขอฝากเตือนผู้ที่กำลังจะซื้อ หรือคิดจะซื้อ หรือแม้กระทั่งเสื้อกันหนาวที่มีอยู่แต่ถูกเก็บเอาไว้ในตู้นานๆ ก็ขอให้นำไปต้มน้ำร้อน และซักตามขั้นตอนก่อนที่จะนำมาสวมใส่ เพราะหากประชาชนมีความประมาทเพียงแค่เล็กน้อยทั้งๆที่รู้อยู่แล้ว อาจจะต้องมาเสียใจในภายหลังได้