นายกฯ พอใจ ผลจัดซื้อจัดจ้างปี 64 ประหยัดงบฯ กว่า 7.8 หมื่นล้านบาท
1 ธ.ค. 2564, 13:42
วันนี้ ( 1 ธ.ค.64 ) นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผย พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พอใจ ผลการดำเนินงานจัดซื้อจัดจ้างในปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 (ตุลาคม 2563 - กันยายน 2564) ซึ่งกรมบัญชีกลางได้รายงานความคืบหน้า หน่วยงานของรัฐที่ได้ดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างและก่อหนี้แล้วจำนวนทั้งสิ้น 5,247,846 โครงการ คิดเป็นร้อยละ 98.34 ของจำนวนโครงการจัดซื้อจัดจ้างทั้งหมด โดยมีมูลค่าที่จัดหาได้คิดเป็น 1,333,622.22 ล้านบาท ทำให้รัฐสามารถประหยัดงบประมาณได้ 78,667.29 ล้านบาท หรือประหยัดได้ร้อยละ 5.57 ของวงเงินงบประมาณในการจัดหา ซึ่งเป็นผลจากวิธีการจัดซื้อจัดจ้างที่นำเอาเทคโนโลยีสมัยใหม่มาประยุกต์ใช้ส่งผลให้ผู้ประกอบการและบุคคลทั่วไปเข้าถึงข้อมูลได้อย่างรวดเร็ว เกิดการแข่งขันอย่างเท่าเทียม และสามารถตรวจสอบได้ทุกขั้นตอน ส่งผลให้ขั้นตอนการดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้เกิดความคุ้มค่าการใช้จ่ายงบประมาณ รวมทั้งเป็นต้นแบบการบูรณาการระบบฐานข้อมูลภาครัฐ
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีเผยต่อว่า สำหรับวิธีการจัดซื้อจัดจ้างด้วยวิธีตลาดอิเล็กทรอนิกส์ (e-market) สามารถประหยัดงบประมาณได้มากที่สุดในปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 ประหยัดงบประมาณได้ร้อยละ 15.14 ของวงเงินงบประมาณในการจัดหา การจัดซื้อจัดจ้างด้วยวิธีประกวดราคาอิเล็กทรอนิกส์ (e-bidding) มีมูลค่ามากที่สุดถึงร้อยละ 55.66 ของมูลค่างบประมาณในการจัดซื้อจัดจ้างทั้งหมด คิดเป็นมูลค่าถึง 919,989.69 ล้านบาท ส่วนการจัดซื้อจัดจ้างด้วยวิธีเฉพาะเจาะจง พบหน่วยงานของรัฐจัดซื้อจัดจ้างด้วยวิธีเฉพาะเจาะจงมากที่สุดเป็นจำนวน 5,200,064 โครงการ คิดเป็นร้อยละ 97.45 ของจำนวนโครงการจัดซื้อจัดจ้างทั้งหมด
“รัฐบาลให้ความสำคัญกับการเร่งรัดการเบิกจ่าย วางแผนปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 ท่านนายกฯ สั่งการให้กรมบัญชีกลางเตรียมแผนเร่งรัดการเบิกจ่ายให้มีการก่อหนี้ภายในไตรมาส 2 เพื่อให้เม็ดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจโดยเร็ว รวมถึงมีแผนที่จะปรับปรุงระเบียบการจัดซื้อจัดจ้างให้หน่วยงานของรัฐ การประยุกต์เอาเทคโนโลยีสมัยใหม่มาใช้เพิ่มมากขึ้น ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการขับเคลื่อนนโยบายประเทศไทย 4.0 (Thailand 4.0) เพื่อพัฒนาประเทศและระบบการทำงานของรัฐ เพื่อทำให้เกิดความคล่องตัวในการปฏิบัติงาน และสนับสนุนผู้ประกอบการรายย่อยทั้ง SMEs และ Startup ให้สามารถเข้าถึงการจัดซื้อจัดจ้างของภาครัฐมากขึ้น และที่สำคัญต้องมีความโปร่งใส สามารถตรวจสอบได้ เพื่อให้เกิดการแข่งขันอย่างเป็นธรรม ซึ่งเป็นสิ่งที่รัฐบาลนี้เน้นย้ำและให้ความสำคัญเสมอมา” นายธนกร กล่าว