"กู้ภัยฯปราณบุรี" เปิดรับเยาวชนเป็นจิตอาสากู้ภัยลดปัญหาสังคมอาชญากรรม - ยาเสพติด
21 ธ.ค. 2564, 13:27
วันที่ 21 ธ.ค.64 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่มูลนิธิสว่างแผ่ไพศาลธรรมสถาน อำเภอปราณบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ คณะกรรมการ และผู้บริหารงานด้านกู้ชีพกู้ภัย ได้จัดให้มีการรับสมัครและสอบสัมภาษณ์ถึงแนวคิดและความสมัครใจของเยาวชนและประชาชนชาวอำเภอปราณบุรี ในการสมัครเข้ามาเป็นจิตอาสาบริการประชาชนช่วยเหลืองานกู้ชีพ-กู้ภัย ร่วมกับทางมูลนิธิสว่างแผ่ไพศาลธรรมสถานปราณบุรี โดยมีประชาชน และ เยาวชน นักเรียนนักศึกษา ให้ความสนใจสมัครเข้ามาร่วมงานเป็นจำนวนมาก
นายสุดเขต บุญก่อสกุล หัวหน้าฝ่ายกู้ชีพกู้ภัย เปิดเผยว่า การที่หน่วยกู้ภัยของมูลนิธิสว่างแผ่ไพศาลธรรมสถานปราณบุรี เปิดโอกาสให้เยาวชนได้เข้ามามีส่วนร่วมสมัครเข้ามาเป็นจิตอาสากับทางมูลนิธิ เพื่อช่วยเหลืองานกู้ชีพกู้ภัยนั้น ก็เพื่อต้องการหาแนวทางในการลดปัญหาอาชญากรรมในพื้นที่ให้เยาวชนใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ดีกว่าไปสร้างปัญหาให้กับสังคมไม่ว่าจะเป็นปัญหายาเสพติด ปัญหาแข่งรถในทางสาธารณะ และปัญหาอาชญากรรมอื่นๆ หลังจากที่ได้มีการประชุมร่วมกันหารือกับภาคส่วนต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นทหาร ตำรวจ ฝ่ายปกครอง และคณะกรรมการบริหารของทางมูลนิธิ จึงได้เห็นพ้องต้องกันในการที่จะดึงเอาเยาวชนที่มีความสนใจ ช่วยเหลืองานกู้ชีพ-กู้ภัย เข้ามามีส่วนร่วมช่วยเหลือสังคมแทนการสร้างภาระ สร้างปัญหาให้กับสังคม ซึ่งจะทำให้ตัววัยรุ่นเยาวชนเองได้รู้สึกภาคภูมิใจที่ถูกสังคมมองเห็นคุณค่าของตนเอง เพราะทุกคนที่จะเข้ามาอยู่ตรงนี้ได้ก็ต้องยอมรับในกฎระเบียบข้อบังคับต่างๆของทางกู้ภัย เช่น จะต้องทำตัวให้เป็นแบบอย่างกับสังคม ไม่ใช้รถจักรยานยนต์ที่ดัดแปลงสภาพ ไม่เสพยาเสพติด ไม่ประพฤติตนที่ทำให้เสื่อมเสียกับองค์กร เป็นต้น
นายณัฐกร ทองอรพินท์ รองหัวหน้าหน่วยกู้ภัย กล่าวเพิ่มเติมว่า การเปิดรับจิตอาสากู้ภัยเราจะเปิดรับทุกๆครึ่งปี โดยจะรับตั้งแต่อายุ 18 ปีขึ้นไป ซึ่งในส่วนของเยาวชนผู้ปกครองจะต้องเซ็นยินยอม ซึ่งทุกคนที่เข้ามาอยู่ตรงนี้จะมีกฎระเบียบข้อบังคับต่างๆซึ่งทุกคนต้องยอมรับ และปฏิบัติตาม หากเยาวชนคนใดที่กระทำผิดก็จะมีการเรียกมาว่ากล่าวตักเตือน คาดโทษ พร้อมกับให้ผู้ปกครองเข้ามารับทราบ และตักเตือนลูกของตนเองอีกทางหนึ่ง ซึ่งถ้าใครไม่สามารถปฏิบัติตามกฎระเบียบข้อบังคับที่ทางหน่วยกู้ภัยกำหนดได้ก็จะต้องถูกเชิญออกไปตามลำดับ และก่อนออกไปปฏิบัติงานช่วยเหลือสังคมก็จะต้องมีการฝึกอบรมวิธีการช่วยเหลือผู้อื่นตามหลักวิธีการปฏิบัติอย่างถูกต้องตามที่สาธารณสุขกำหนด และนอกจากนี้ยังจะมีการตรวจปัสสาวะหาสารเสพติดทุกๆ 6 เดือนอีกด้วย