นายกฯ วางเป้าปี 2580 ไทยเป็นศูนย์กลาง "เวิล์ด เฮิร์บ ฮับ" -ขอทุกฝ่ายมีสติร่วมพลิกฟื้นประเทศ
22 ธ.ค. 2564, 16:00
วันนี้ ( 22 ธ.ค.64 ) เวลา 10.00 น. ณ รอยัล พารากอน ฮอลล์ ชั้น 5 ศูนย์การค้าสยามพารากอน ถนนพระรามที่ 1 แขวงปทุมวัน เขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานในพิธีเปิดงานมหกรรมสมุนไพรแห่งชาติ และการประชุมวิชาการประจําปีการแพทย์แผนไทย การแพทย์พื้นบ้าน และการแพทย์ทางเลือกแห่งชาติ ครั้งที่ 18 โดยมี นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข นายสาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นางสาวไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี คณะผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุข และหน่วยงานภาคเอกชน ร่วมงาน ภายในงาน นายกรัฐมนตรีมอบประกาศเกียรติคุณและโล่รางวัล ประกอบไปด้วย รางวัลหมอไทยดีเด่นแห่งชาติประจําปี 2564 รางวัลพื้นท่ีต้นแบบดีเด่นแห่งชาติประจําปี 2564 รางวัลผลิตภัณฑ์สมุนไพรดีเด่นระดับชาติ Prime Minister Herbal Awards (PMHA) ประจําปี 2564 รางวัลพื้นที่ต้นแบบดีเด่นชมรมผู้สูงอายุ ด้านการแพทย์แผนไทย ประจําปี 2564 รางวัลเจ้าหน้าท่ีผู้ปฏิบัติงานด้านการแพทย์ดีเด่นกระทรวงสาธารณสุขประจําปี 2564 และ รางวัลการคุ้มครองและส่งเสริมภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทยประจําปี 2564 รวม 40 รางวัล พร้อมกล่าวปาฐกถาพิเศษเรื่อง "สมุนไพรไทยสร้างเศรษฐกิจไทย" โดยโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี สรุปสาระสำคัญ ดังนี้
นายกรัฐมนตรีกล่าว รัฐบาลมีนโยบายส่งเสริมให้เกษตรกรหันมาปลูกพืชสมุนไพรที่มีคุณภาพและได้มาตรฐาน พร้อม ๆ กับการยกระดับอุตสาหกรรมสมุนไพรไทยให้มีคุณภาพและมาตรฐานสูง พร้อมผลักดันให้สมุนไพรไทยมีศักยภาพการผลิตในระดับอุตสาหกรรม เพื่อสร้างมูลค่าให้แก่สมุนไพร ส่งออกและแข่งขันในตลาดประเทศและต่างประเทศได้ ซึ่งจะก่อให้เกิดการสร้างงาน สร้างอาชีพ และสร้างรายได้ให้แก่เกษตรกรและชุมชนได้อย่างยั่งยืน เป็นส่วนหนึ่งในการแก้ไขปัญหาความยากจนด้วย ทั้งนี้ รัฐบาลส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ ด้วยการนำผลิตภัณฑ์จากสมุนไพรไทยและแหล่งท่องเที่ยวเมืองสมุนไพรให้เป็นจุดหมายการท่องเที่ยว และพัฒนาสู่การเป็นศุนย์กลางสุขภาพ โดยในปี 2580 ประเทศไทยก้าวสู่การเป็นศูนย์กลางการส่งออกวัตถุดิบและผลิตภัณฑ์สมุนไพรชั้นนำของโลกหรือ “เวิล์ด เฮิร์บ ฮับ” (World Herb Hub) พร้อมทั้งส่งเสริมและพัฒนาศูนย์ความเป็นเลิศด้านการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก เพื่อผลักดันให้ประเทศไทยเป็นหนึ่งในประเทศจุดหมายด้านการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพและบริการทางการแพทย์ระดับโลก
นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงตำหรับยาของประเทศไทยมีมาตั้งแต่สมัยโบราณกว่า 1,000 ตำหรับ ซึ่งเป็นคุณูปาการของบุคลากรทางการแพทย์พื้นบ้านตั้งแต่สมัยก่อนที่ใช้สมุนไพรไทยในการรักษา ซึ่งขณะนี้นำมาต่อยอดและแก้ไขปัญหาด้านสุขภาพในโลกยุคปัจจุบันได้ด้วย โดยเฉพาะสมุนไพรฟ้าทะลายโจร ที่เป็นที่นิยมของต่างประเทศ ไทยต้องพัฒนาใช้ประโยชน์จากการความหลากหลายทางชีวภาพของประเทศ ซึ่งเรามีศักยภาพ ความสามารถในการพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาส
โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีขอให้ทุกคนดำรงชีวิตอย่างมีสติในปัจจุบันท่ามกลางสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ขณะนี้ ได้สั่งการให้กระทรวงสาธารณสุขเตรียมพร้อมรองรับสถานการณ์ จัดทำแผนเผชิญเหตุ ช่วง 2 ปีที่ผ่านมาในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ประเทศไทยถือว่ามีความสามารถในการดูแลผู้เจ็บป่วยเข้าสู่การรักษาในระบบจนอยู่ในเกณฑ์ที่ยอมรับได้ในระดับโลก ทั้งนี้ รัฐบาลตัดสินใจอยู่บนพื้นฐานในการรักษาความสมดุลทั้งด้านเศรษฐกิจและสุขภาพ สำคัญที่สุดคือทุกคนต้องช่วยกันแก้ไขปัญหาอย่างมีสติ เพราะทุกปัญหาล้วนส่งผลถึงกันทั้งสิ้น สิ่งที่รัฐบาลกำลังทำคือการรักษาเสถียรภาพของประเทศให้มีความสงบ ปราศจากความขัดแย้ง ส่งเสริมให้ประชาชนดำรงชีวิตตามปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ตามหลักพระราโชบายว่า "เข้าใจ เข้าถึง และพัฒนา" ซึ่งพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงมีรับสั่งว่าให้รักษา สืบสาน และต่อยอด
นายกรัฐมนตรียังกล่าวถึงการเร่งแก้ไขปัญหา ค่าครองชีพและปัญหาหนี้สินของประชาชน ยืนยันว่าดูแลประชาชนทุกกลุ่ม ทุกอาชีพ ภายใต้งบประมาณที่มีอยู่ โดยวันนี้ได้มีการตั้งคณะกรรมการการทำงานแก้ไขปัญหาความยากจนแบบองค์รวมแล้ว เพื่อจะลงไปดูแลพี่น้องประชาชนในพื้นที่ว่ามีความยากลำบากอย่างไร เน้นการดูแลผู้มีรายได้น้อย เพื่อที่จะทำให้ประเทศไทยมีรายได้สูงขึ้น เพิ่ม GDP ของประเทศที่ส่วนใหญ่มาจากรายได้ของการส่งออกและการจัดเก็บภาษี ซึ่งสมุนไพรจะเป็นอีกหนึ่งผลิตภัณฑ์ที่สามารถส่งออกและสร้างรายได้ให้กับประเทศได้ ตามการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติ ทั้งนี้ รัฐบาลต้องทำงานอย่างรอบคอบ บูรณาการร่วมกันทุกฝ่าย เดินหน้าไปด้วยกัน เพื่อเป็นการพลิกฟื้นประเทศไทยโดยเร็ว เพื่อให้กลับมาดีขึ้นกว่าเดิม
จากนั้น นายกรัฐมนตรีเยี่ยมชมนิทรรศการภายในงาน และก่อนเดินทางกลับ ได้ให้สัมภาษณ์แก่สื่อมวลชน ว่า อยากให้ประชาชนทุกคนมีสติ เพื่อป้องกันและรับมือการแพร่ระบาดของโควิด-19 ซึ่งรัฐบาลจะต้องคำนึงถึงเศรษฐกิจฐานรากควบคู่ไปกับการดูแลสุขภาพ ซึ่งนายกรัฐมนตรียินดีที่วันนี้ประเทศไทยสามารถฉีดวัคซีนตามเป้าหมายได้ 100 ล้านโดส และอยากให้มีการฉีดกระตุ้นเข็ม 3 อย่างต่อเนื่อง