เผาทำลาย ! "ไอ้โง่" ตามมาตรการควบคุมและแก้ไขปัญหาการทำการประมงผิดกฎหมาย
23 ธ.ค. 2564, 14:20
วันนี้ 23 ธ.ค.64 นายศักดาพร รัตนสุภา รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี เป็นประธานในพิธีทำลายของกลางเครื่องมือประมง ลอบพับได้หรือไอ้โง่ ตามมาตรการควบคุมและแก้ไขปัญหาการทำการประมงผิดกฎหมาย โดยสำนักงานประมงจังหวัดสุราษฎร์ธานี ร่วมกับส่วนราชการกรมประมง และภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง จัดขึ้น ณ ศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงน้ำจืดสุราษฎร์ธานี หมู่ที่ 7 ตำบลท่าข้ามอำเภอพุนพิน จังหวัดสุราษฎร์ธานี
โดยนายอิทธิพล ขวาไทย ประมงจังหวัดสุราษฎร์ธานี กล่าวว่า การจัดกิจกรรมในวันนี้ เพื่อให้ประชาชนตระหนักถึงผลกระทบจากการใช้เครื่องมือลอบพับได้หรือไอ้โง่ ซึ่งเป็นเครื่องมือประมงผิดกฎหมาย มีรูปร่างลักษณะเป็นสี่เหลี่ยมหรือทรงกลม ด้านข้างมีทางเข้าของสัตว์น้ำทั้งสองด้านอยู่สลับกันลอบ 1 ลูก จะมีความยาวประมาณ 8 เมตร พบทำการประมงได้โดยทั่วไปทั้งพื้นที่ทะเลและแหล่งน้ำจืด กลุ่มสัตว์น้ำที่จับได้ประกอบด้วย กลุ่มกุ้งทะเล ร้อยละ 35.39 – 73.68 กลุ่มปลาเศรษฐกิจ ร้อยละ 14.21 – 49.93 กลุ่มปูทะเล ร้อยละ 2.87 – 21.22 ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นสัตว์น้ำที่มีขนาดเล็ก
นายอิทธิพล ขวาไทย กล่าวต่ออีกว่า เครื่องมือลอบพับได้หรือ ไอ้โง่ ไม่ได้ถูกห้ามใช้จับสัตว์น้ำในบ่อเพาะเลี้ยง จึงสามารถหาซื้อได้ง่ายในตลาดทั่วไป ส่งผลให้มีผู้ลักลอบใช้เครื่องดังกล่าวจำนวนมาก โดยเฉพาะในทะเลอ่าวไทยพื้นที่ชายฝั่ง ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2558 จนถึงปัจจุบัน ท้องที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี พบการกระทำความผิดเกี่ยวกับเครื่องมือชนิดนี้แล้วกว่า 70 คดี จำนวนกว่า 6,400 ลูก ในปี พ.ศ. 2564 พบตัวผู้กระทำความผิด จำนวน 3 ราย และได้ทำการเปรียบเทียบปรับไปแล้ว ซึ่งผู้กระทำผิดลักลอบทำการประมงด้วยเครื่องมือชนิดดังกล่าวจะต้องระวางโทษมีอัตราการเปรียบเทียบปรับตั้งแต่หนึ่งหมื่นบาทถึงหนึ่งแสนบาท หรือจำนวนห้าเท่าของมูลค่าสัตว์น้ำที่ได้จากการทำการประมงแล้วแต่จำนวนใดจะสูงกว่า
และหลังจากร่วมเผาทำลายเครื่องมือประมงผิดกฎหมายแล้ว ได้ร่วมกันปล่อยพันธุ์สัตว์น้ำ จำนวน 299,999 ตัว ประกอบด้วย ปลาเค้าดำ จำนวน 99 ตัว และพันธุ์ปลากระแห ปลาตะเพียนทอง ปลาบ้าหรือปลาพวง จำนวน299,900 ตัว เพื่อฟื้นฟูทรัพยากรสัตว์น้ำลงสู่แม่น้ำตาปี อีกทั้งรณรงค์ให้ประชาชนตระหนักถึงคุณค่าของทรัพยากรสัตว์น้ำ ตลอดจนให้ส่วนราชการเกิดการบูรณาการความร่วมมือในการจัดกิจกรรม มีส่วนร่วมอนุรักษ์และฟื้นฟูทรัพยากรสัตว์น้ำ ให้สามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้อย่างยั่งยืนตลอดไป.