วันนี้ ( 5 ก.ย.62 ) เวลา 10.00 น. ณ ห้องประชุม ๓๐๑ ตึกบัญชาการ ๑ ทำเนียบรัฐบาล พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศแห่งชาติ ครั้งที่ ๑/๒๕๖๒ โดยมีนายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม  ซึ่งมีกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิและกรรมการจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมในการประชุมดังกล่าว โดยคณะกรรมการฯ มีมติ ดังนี้ 

๑) เห็นชอบต่อการเข้าร่วมความร่วมมือ NDC Partnership ๒) เห็นชอบต่อ (ร่าง) องค์ประกอบคณะผู้แทนของประเทศไทย ในการประชุมรัฐภาคีกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ สมัยที่ ๒๕ (COP 25) การประชุมรัฐภาคีพิธีสารเกียวโต สมัยที่ ๑๕ (CMP 15) การประชุมรัฐภาคีความตกลงปารีส สมัยที่ ๒ (CMA 2) และการประชุมอื่นที่เกี่ยวข้อง ณ กรุงซันติอาโก สาธารณรัฐชิลี เห็นชอบ ๓) เห็นชอบต่อ (ร่าง) กรอบท่าทีเจรจาของไทยในการประชุมกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ประจำปี พ.ศ. ๒๕๖๒ – ๒๕๖๓ ๔) เห็นชอบต่อ (ร่าง) แถลงการณ์ร่วมอาเซียนว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ สำหรับการประชุมรัฐภาคีกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ สมัยที่ ๒๕ ๕) เห็นชอบต่อ (ร่าง) แถลงการณ์ร่วมอาเซียนว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศสำหรับการประชุม Climate Action Summit 2019 และ ๖) เห็นชอบให้แต่งตั้งคณะอนุกรรมการการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศด้านกฎหมาย ทั้งหมดจะนำเสนอ ครม. เพื่อพิจารณาต่อไป

ทั้งนี้ สำหรับ (ร่าง) แถลงการณ์ร่วมอาเซียนว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ สำหรับการประชุมรัฐภาคีกรอบอนุสัญญาฯ สมัยที่ ๒๕ (UNFCCC COP 25) ซึ่งมีกำหนดจัดขึ้นในระหว่างเดือนธันวาคม และ (ร่าง) แถลงการณ์ร่วมอาเซียนว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ สำหรับการประชุม United Nations Climate Action Summit 2019 ณ นครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา ซึ่งมีกำหนดจัดขึ้นในวันที่ 23 กันยายน 2562 นี้ ประเทศไทยได้จัดทำขึ้นในโอกาสที่ดำรงตำแหน่งประธานอาเซียน ปี 2562 เพื่อแสดงจุดยืนร่วมกันของประเทศสมาชิกอาเซียนและสนับสนุนการดำเนินงานด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในระดับภูมิภาค ซึ่งสอดคล้องกับเป้าประสงค์ทางยุทธศาสตร์ของไทยและข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรีในการเพิ่มบทบาทของอาเซียนในเวทีโลกเพื่อช่วยแก้ไขปัญหาสำคัญต่างๆ 

สำหรับการดำเนินงานด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของไทย มีเป้าหมายการแสดงเจตจำนงค์เพื่อการลดก๊าซเรือนกระจกของประเทศ (Nationally Appropriate Mitigation Actions: NAMAs) ภายในปี 2563 ที่ร้อยละ 7-20 ในภาคพลังงานและการขนส่ง โดยปัจจุบัน ประเทศไทยบรรลุเป้าหมาย NAMAs แล้ว โดยสามารถลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในปี พ.ศ. 2559 ได้ 45.68 ล้านตัน คาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า หรือร้อยละ 12.45 นอกจากนี้ ประเทศไทยได้ส่งข้อเสนอการมีส่วนร่วมที่ประเทศกำหนด (Nationally Determined Contributions: NDCs) ภายหลังปี  พ.ศ. 2563 ที่ร้อยละ 20-25 ภายในปี 2573 ในสาขาพลังงานและขนส่ง สาขาอุตสาหกรรม และการใช้ผลิตภัณฑ์ และการจัดการของเสีย