วันที่ 6 ก.ย. 62 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายไพศาล แต้มช่วย หัวหน้าบ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัดประจวบคีรีขันธ์พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เข้าเยี่ยมเยียนและให้กำลังใจพร้อมให้ความช่วยเหลือทุกด้านกับนางสาว จามจุรี บุตรเกตุ อายุ 24 ปี ซึ่งเป็นมารดาของเด็กชายพีรพล แดนดงยิ่ง อายุ 2 ขวบ 6 เดือน หรือน้องเนส ซึ่งสงสัยว่าถูกพี่เลี้ยงเด็กทำร้ายร่างกายทุบตีจนได้รับบาดเจ็บอาการสาหัส สมองบวม มีเลือดคั่งในสมอง ต้องเข้านอนพักรักษาตัวดูอาการด้วยการใช้เครื่องช่วยหายใจประคองชีวิต แต่ยังไม่รู้สึกตัวภายในห้องเด็กวิกฤต (ปลอดเชื้อ ) ชั้น 2 ตึกอุบัติเหตุโรงพยาบาลประจวบ อำเภอเมือง จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ โดยมีนางสาวจารุวรรณ บุตรเกตุ อายุ 20 ปี ผู้เป็นน้าสาว พร้อมด้วยญาติๆ รอให้การต้อนรับและให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ และได้รับการอำนวยความสะดวกจากนายแพทย์จุมพล ฟูเจริญ รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลประจวบ และเจ้าหน้าที่ของทางโรงพยาบาล โดยการให้ข้อมูลเกี่ยวกับขั้นตอนการรักษาและอาการล่าสุดของเด็กในขณะนี้

 

 

 

โดยนางสาวจามจุรี บุตรเกต อายุ 24 ปี แม่ของน้องเนส(เสื้อลายขวางขาว-ดำ) และ นางสาวจารุวรรณ บุตรเกตุ อายุ 20 ปี น้องสาว และเป็นน้าสาวของน้องเนส (ชุดนอนสีชมพู)ได้ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวโดยเปิดเผยว่า ตนเองเป็นชาว อ.บางสะพาน และมารับจ้างทำงานอยู่ในเขตพื้นที่ตัวอำเภอเมืองประจวบ แต่ก่อนได้ให้น้องสาว(คือน.ส.จารุวรรณ) เป็นผู้ช่วยเลี้ยง แต่ต่อมาน้องสาวก็ได้มาทำงานด้วยเช่นกันจึงไม่มีเวลาเลี้ยงลูกให้ และได้จ้างเพื่อนชาวอำเภอบางสะพานที่รู้จักกันเคยกินเที่ยวด้วยกันให้ช่วยเลี้ยงลูกให้ โดยจ่ายค่าจ้างให้เป็นรายอาทิตย์ ละ 1,000 บาท รวม 4000 บาทต่อเดือน ซึ่งตนก็ได้จ่ายให้ตรงเวลาตลอดไม่เคยขาด แต่เวลาตนจะไปขอพบลูกกลับถูกบ่ายเบี่ยงจากเพื่อน โดยอ้างว่าไม่อยู่บ้านพาน้องเนสไปเที่ยวจังหวัดชุมพรบ้าง อำเภอบางสะพานน้อยบ้าง ทำให้ตนไม่มีโอกาสได้พบลูกเลยนับตั้งแต่ไปฝากเลี้ยงจนถึงขณะนี้รวม 2 เดือนแล้ว และได้มาพบลูกอีกครั้งเมื่อลูกได้รับบาดเจ็บสาหัสโดยเพื่อนบอกว่าน้องเนสล้มหัวฟาดพื้นเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลบางสะพาน และถูกส่งต่อมาที่โรงพยาบาลประจวบฯ เนื่องจากมีอาการสาหัสสมองบวม และมีเลือดคั่งในสมอง ซึ่งเมื่อตนมาถึงเจอลูกครั้งแรกก็ถึงกับตกใจเมื่อเห็นตามตัวและศีรษะของลูกมีรอยฟกช้ำดำเขียวตามตัวหลายจุด และเพื่อนได้ยอมรับว่าได้มีการลงมือตีลูกของตนบ้าง ตนจึงอยากให้เจ้าหน้าที่ช่วยเข้ามาสืบหาข้อเท็จจริง ถึงสาเหตุอาการบาดเจ็บของลูก และดำเนินคดีกับผู้กระทำผิด แต่ความหวังของตนขณะนี้หวังอย่างเดียวคือให้ลูกหายกลับคืนมาเป็นปกติ และตนมีศักยภาพเพียงพอในการเลี้ยงดูลูกของตนเอง