อธิบดีกรมปศุสัตว์ ยืนยันไม่ลาออก ปมหมูแพง-โรคระบาดหมู ย้ำเดินหน้าทำงานต่อ
13 ม.ค. 2565, 18:45
วันนี้ ( 13 ม.ค.65 ) นายสัตวแพทย์สรวิศ ธานีโต อธิบดีกรมปศุสัตว์ ได้ให้สัมภาษณ์ผ่านรายการ "คมชัดลึก" โดยมี นายวราวิทย์ ฉิมมณี เป็นผู้ดำเนินรายการ ในหัวข้อฝ่าวิกฤตพิษโรคระบาด "หมูแพงทั้งแผ่นดิน" จากกรณีการระบาดของโรค อหิวาต์ แอฟริกาในสุกร (เอเอสเอฟ)
กับคำถามที่ว่าทราบเมื่อไหร่ว่าโรค เอเอสเอฟ ระบาดในประเทศไทย นายสัตวแพทย์สรวิศ ระบุว่า หลังปรากฎข่าวตามหน้าสื่อเลยได้มีข้อสั่งการจาก รมว.เกษตรฯ ให้จัดชุดเฉพาะกิจออกไปตรวจสอบตามจังหวัดที่มีการเลี้ยงสุกรหนาแน่นว่ามีเชื้อจริงหรือไม่ และก็ตามที่แถลงข่าวว่าได้พบเชื้อเมื่อไม่กี่วันมานี้ ในส่วนของเอกสารการขออนุมัติงบประมาณรายในการป้องกันโรคอหิวาต์ แอฟริกาในสุกร ที่ได้มีการเผยแพร่ผ่านโซเชียล ยืนยันว่าเป็นการของบเพื่อการป้องกันโรคเท่านั้น โดยทางกรมปศุสัตว์ก็ได้ทำการป้องกันมาโดยตลอด
โดยอธิบดีกรมปศุสัตว์ ได้ปฏิเสธกรณีถูกกล่าวหาว่าปกปิดการมีโรคระบาดเอเอสเอฟ เพื่อทำให้กับผู้ค้าหมูรายย่อยหายไปจากตลาด และเอื้อประโยชน์ให้รายใหญ่ โดยระบุว่า "ไม่เป็นความจริงเพราะผู้ค้ารายใหญ่อยู่ในระบบฟาร์มมาตรฐาน ธุระกิจไปได้อยู่แล้ว และสามารถตรวจสอบกับทางกรมปศุสัตว์ได้เลยว่า ผู้ค้ารายใหญ่ไม่มีการส่งออกหมูไปต่างประเทศ มีแต่รายเล็ก และกลางเท่านั้นที่มีการส่งออก ส่วนในเรื่องความเสียหายที่รายเล็กจะเสียหายมากกว่ารายใหญ่ สาเหตุเนื่องมาจากผู้ค้ารายใหญ่มีระบบฟาร์ม biosecurity ที่สูงกว่า สามารถป้องกันโรคได้ดีกว่า ตรงนี้ทุกประเทศมีความเสี่ยงในเรื่องของรายย่อย โดยรัฐบาลเวลาจะชดเชยเราก็จะดูที่รายย่อยเท่านั้น"
อธิบดีกรมปศุสัตว์ ตอบคำถามที่ว่า ประชาชนผู้บริโภคจะต้องอยู่ในกับราคาหมูที่สูงแบบนี้ไปจนถึงตอนไหน และเมื่อไหร่สถานการณ์จะเริ่มคลายตัว โดยระบุว่า หมูแพงคราวนี้ไม่ได้เกิดจากโรค จริงๆเรามีการใช้ระบบ E-movement (ระบบเคลื่อนย้ายสัตว์และซากสัตว์ผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์) ในปี 63 และ 64 ต่างกันแค่ประมาณ 1 ล้านตัว ไม่ได้หายไป 50-60% ตามที่ว่ากัน ฉะนั้นตอนนี้ก็ได้ให้ปศุสัตว์จังหวัดเร่งสำรวจว่าตัวเลขที่แท้จริงเป็นอย่างไรและหายไปเท่าไหร่ จึงจะดำเนินการกำหนดนโยบาย ส่วนราคาจะกลับมาเป็นปกติจะใช้เวลาประมาณ 8-12 เดือน
อธิบดีกรมปศุสัตว์ กล่าวอีกว่า เกือบ 4 ปีที่เป็นอธิบดีกรมปศุสัตว์ เรื่องนี้ยังไม่ใช่เรื่องที่หนักที่สุด เพราะทุกปีเจอมาโดยตลอดทั้งเรื่องโรคในม้า โรคลัมปี สกิน และโรคอื่นๆ ผมขอยืนยันว่า ผมทำงานเป็นอธิบดี 3 ปีกว่า ด้วยความตั้งใจ ซื่อสัตย์ สุจริต ผมคิดว่าทุกคนเห็น รัฐมนตรีเห็น ผมมีความตั้งใจทำงานจนกว่าจะเกษียณอายุราชการ มีความตั้งใจจะทำงานให้ผู้เลี้ยงสุกร และสัตว์อื่นๆอยู่ได้
กำคำถามที่ว่าจะลาออกเพื่อรับผิดชอบในเรื่องนี้หรือไม่? "ไม่ครับ ผมไม่ได้ทำผิดอะไร จะลาออกทำไมครับ เราทำงานมาตลอด ฉะนั้นตรงนี้ผมไม่ได้มีความผิดอะไร ผมไม่ได้ทุจริตอะไร ผมจะลาออกทำไม ผมคิดว่าผมมีกำลังใจในการทำงานต่อไป สิ่งที่ทุกคนรู้ไม่มีใครปกปิดในเรื่องของการทำงานได้ อยู่มา 3 ปีกว่า ถ้าเกิดว่าเป็นคนที่ไม่ตั้งใจทำงาน ไม่มีผลงาน กรมปศุสัตว์ซึ่งเป็นกรมที่มีความหลากหลายสูงสุด ที่สำคัญที่สุดของกรมปศุสัตว์คือการควบคุมป้องกันโรคในสัตว์ อันนี้ผมคิดว่าเป็นการทำงานที่หนักมาตลอด และผมทำดีที่สุดแล้ว" อธิบดีกรมปศุสัตว์ กล่าว