วันนี้ (8 มิ.ย.62) ผู้สื่อข่าว ONB news รายงานว่า ที่ตลาดสดเทศบาลเมืองสุรินทร์ ภายหลังจากช่วงนี้ ได้มีประชาชน เดินทางมาจับจ่ายชื้อสินค้า เพื่ออุปโภคบริโภค ในครัวเรือน ได้มีการพูดถึงสินค้าพืชผัก ที่วางจำหน่ายในตลาดสดเทศบาลเมืองสุรินทร์ มีการปรับราคาสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้ประสบปัญหาในจำนวนปริมาณ สินค้าที่ได้รับจากการชื้อสินค้าลดลงเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะพริกสด พริกแดง พริกเขียวบรรจุถุงละ 10กิโลกรัม ก่อนหน้านี้ขาย ที่ ราคา 800 บาท ขณะนี้สูง 1,500 บาท ที่พ่อค้าแม่ค้า รายย่อย นำมาบรรจุถุงขาย มีจำนวน ไม่ถึง 10 เม็ด ราคา สูงถึง 20 บาท ขณะที่มะละกอ สำหรับใช้ส้มตำ ก็มีราคา สูงขึ้นตามไปด้วย จากราคา บรรจุถุง 10 กิโลกรัม ราคา 80 บาท สูงขึ้น ถึง 200 บาท

ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปยังตลาดสด เทศบาลเมืองสุรินทร์ ในช่วงกลางดึกที่ผ่านมา ซึ่งเป็นช่วงที่บรรดาพ่อค้า แม่ค้า รับสินค้าพืชผักสด จากรถวิ่งส่งสินค้า เข้ามายังตลาดสดเทศบาลเมืองสุรินทร์ เพื่อนำสินค้า ที่บรรทุกมาจากแหล่งผลิต และตลาดกลางที่ชื้อขายและส่งสินค้ามายังผู้ประการค้าส่ง ผักสดในตลาดสดเทศบาลเมืองสุรินทร์ โดยบรรดารถบรรทุกสินค้า ผักสด ได้ทยอยลงสินค้า เพื่อจำหน่ายให้กับผู้ประกอบการค้ารายย่อย อีกทีหนึ่งในช่วงเช้าของแต่ละวัน

ผู้สื่อข่าวได้สอบถามพ่อค้า แม่ค้า ผู้ประกอบการค้าส่ง ผักสด แต่ละราย ได้ทราบว่า ทุกวันนี้ พืชผัก ทุกชนิด มีการปรับราคาสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ยอมรับว่า เมื่อผู้ค่ารายย่อย รับชื้อสินค้า จากผู้ค้าส่ง ไปแล้ว ก็จะแบ่งสินค้าขาย เป็นขีด เป็นกิโลกรัม สูงขึ้น ไปอีก เป็นเพราะต้นทุน ที่รับมา มีราคาสูง เมื่อผู้ค้ารายย่อยชื้อไป ก็จะไปแบ่งขาย ในราคา ที่สูงตามไปด้วย

โดยเฉพาะพริกสด ทั้งพริกแดง และพริกเขียว แต่ก่อนนั้นรับชื้อมาจากตลาดไท หรือ จากพื้นที่ปลูก ในพื้นที่จังหวัดอุบลราชธานี กับจังหวัดศรีสะเกษ รับชื้อถุงบรรจุถุงละ 10 กิโลกรัม ราคา 800 บาท แต่ในขณะนี้ พริกทั้งสองชนิด มีราคาสูงถึง 1,500 บาท หรือ กิโลกรัมละ 150 บาท เมื่อผู้ค้ารายย่อยนำไปตั้งขาย แบบบรรจุถุงพลาสติก ขาย ปริมาณ เพียง 10 เม็ด ราคาถุง ละ 20 บาท และพริกสด จากเมืองไทยในขณะนี้ แทบไม่มีส่งมาขายเพราะสภาพอากาศที่แห้งแล้ง มีผลผลิตน้อย ต้องนำเข้ามาจากประเทศจีน ประเทศเวียดนาม และประเทศกัมพูชา แต่คุณภาพไม่ค่อยดี มีลักษณะเน่า มีหนอนในเม็ดพริก เพราะว่าพริกเสียหายได้ง่าย จากการขนส่งที่ล้าช้า จึงทำให้ผู้บริโภคมองว่า พริกสดในช่วงนี้แพงมาก ขณะที่พืชผักอื่นๆเช่นมะละกอ สำหรับใช้ส้มตำ แต่ก่อนชื้อมาจาก พื้นที่ปลูก ในพื้นที่จังหวัดศรีสะเกษ และนคราชสีมา ทางสวนส่งขายมาบรรจุถุงละ 10 กิโลกรัม ถุงละ 80 บาท ขณะนี้ มีราคาสูงถึง 200 บาท ซึ่งยอมรับว่า ทำให้ผู้มีอาชีพ ตำส้มตำขายแบกรับภาระต้นทุนสูงไปด้วย ทั้งพริกแพง มะละกอแพง มะเขือเทศแพง แต่ว่ามะนาว ไม่แพงมาก เพื่อช่วงเดือนเมษายน ที่ผ่านมา แต่พ่อค้า แม่ค้าส้มตำ ยังขาย ในราคา ครกละ 30-40 บาท กำไรลดลงบ้าง