ป้าถูกรื้อบ้านเหลือแต่เสา ร้องศูนย์ดำรงธรรม-ขอทนายช่วยคดี
2 ก.พ. 2565, 13:34
มีความคืบหน้าป้าอุทัย ป้าวัย 57 ที่จ.อุดรธานีถูกรื้อบ้านเหลือแต่เสา หลังไปทำงานเก็บเงินมาสร้างบ้านซื้อที่และสร้างบ้านด้วยเงินน้ำพักน้ำแรง แต่ลุงและป้าแท้ๆที่ขายที่ให้ พอสามีตาย ลุงกับป้ากลับเปลี่ยนไปรื้อบ้านไม่บอกกล่าวอ้างไม่ได้ซื้อให้แค่อยู่อาศัย พากันร้องศูนย์ดำรงธรรมขอช่วยเหลือเรื่องคดีหลังจากลุงและป้าขอจ่ายเพียงเล็กน้อย
วันนี้ (2 ก.พ.65) ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าจากกรณีนางอุทัย สิงห์สาธร อายุ 57 ปี ชาวบ้านที่บ้านผักตบ ต.ผักตบ อ.หนองหาน จ.อุดรธานี ร้องเรียนสื่อมวลชนเพราะไม่ได้รับความเป็นธรรมจากญาติพี่น้องถูกลุงและป้าแท้ๆ รื้อบ้านทิ้งเหลือแต่เสาทั้งๆ ที่ซื้อที่ดินแล้ว โดยป้าอุทัยบอกว่าไปทำงานขายข้าวโพดที่กรุงเทพฯหลายสิบปี จากนั้นเก็บเงินจากน้ำพักน้ำแรงส่งเงินมาให้ลุงเปี๊ยกและป้าพรหมสร้างบ้านให้ เป็นบ้านปูนชั้นเดียว เสา 18 ต้นในที่ดินขนาด 2 งาน 17 ตารางวา ซึ่งที่ดินติดอยู่กับบ้านลุงเปี๊ยกป้าพรหม ถนนสายบ้านผักตบ-บ้านหนองบัว โดยป้าอุทัยยืนยันที่ดินตรงนี้ซื้อจากลุงและป้าในราคา 20,000 บาทเมื่อปีพ.ศ.2544 แต่ไม่ได้ทำสัญญาเพราะความไว้ใจเป็นพี่สาวแท้ๆของสามี แต่พอนายบุญเลิศ สามีเสียชีวิตเมื่อปี 56 ลุงและป้ากลับเปลี่ยนไป พากันมารื้อบ้านที่สร้างไว้และอ้างว่าที่ดินดังกล่าวให้อยู่อาศัยไม่ได้ขายให้ด้วยเงิน 20,000 บาทแต่อย่างใด ล่าสุดเมื่อเวลา 11.00 น.วันนี้ (2 ก.พ.65) ป้าอุทัยพร้อมด้วยน.ส.สุดารัตน์ สิงห์สาธร ลูกสาวได้เดินทางมาที่ศูนย์ดำรงธรรมจ.อุดรธานีเพื่อขอความเป็นในเรื่องถูกรื้อบ้านทิ้ง โดยทางเจ้าหน้าที่ฯ ได้ให้เขียนคำร้องทุกข์และจะประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้การช่วยเหลือต่อไป
ป้าอุทัยและน้องหญิง เปิดเผยว่า วันนี้พวกเรามาร้องศูนย์ดำรงธรรมเพื่อขอคำแนะนำในเรื่องความช่วยเหลือเพราะลุงกับป้าไม่ยอมมาพูดคุยส่งแต่ทนายความมาพูดคุยด้วยว่าจะจ่ายได้เท่านั้นเท่านี้ พวกเราได้รับความเดือดร้อนจริงๆ ไม่มีบ้านจะอยู่เพราะถูกรื้อบ้านทิ้งแล้วครอบครัวก็ไม่มีเงินที่จะไปซื้อที่ดินและสร้างบ้านใหม่ เงินที่เคยส่งมาสร้างบ้านที่กว่าจะเก็บเงินได้และสร้างบ้านเสร็จก็หลายปี พอสร้างบ้านเสร็จพ่อบุญเลิศซึ่งเป็นน้องชายแท้ๆ ของป้าพรหมเสียชีวิตเมื่อปี 56 ส่วนแม่อายุเยอะแล้วหวังจะมาอยู่บ้านหลังนี้แต่ก็โดนลุงและป้ารื้อทิ้งและบอกว่าไม่ได้ขายที่ดินดังกล่าวให้แล้ว ตนรู้สึกว่าลุงและป้าใจดำกับลูกหลานอย่างมาก
น้องหญิง บอกอีกว่า พอครอบครัวเราโดนรื้อบ้านทิ้งก็ได้ไปแจ้งความที่สภ.หนองหาน ทางตร.ได้เรียกมาไกล่เกลี่ยตอนแรกลุงและป้าจะจ่ายให้ 30,000 บาทตนเองว่ามันน้อยไปคงไปซื้อที่ดินและสร้างบ้านใหม่คงไม่ได้ และทางตร.นัดให้ ตกลงกันอีกครั้งว่าจะให้ 90,000 บาทโดยนัดเจรจากันอีกครั้งในวันที่ 4 ก.พ.65 นี้เวลา 09.00 น. แต่ตนและแม่มองว่าป้าใจดำ พวกตนไม่มีเงินจะไปซื้อที่ดินและสร้างบ้านใหม่จึงมาร้องขอทนายช่วยในเรื่องคดีบุกรุกและรื้อบ้านทิ้ง หลังจากมาร้องศูนย์ดำรงธรรมจะเดินทางไปที่สำนักงานยุติธรรมจังหวัดอุดรธานีเพื่อขอคำปรึกษาทนายอาสาในเรื่องคดีต่อไป
ทางด้านพ.ต.ต.ณัฐพงษ์ ส่องโสม สารวัตร(สอบสวน) สภ.หนองหาน ภ.จว.อุดรธานี พนักงานสอบสวนเจ้าของคดี เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า คดีนี้ได้เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุกรณีรื้อบ้านแล้ว หลังจากมีผู้เสียหายมาแจ้งความ จะได้สอบปากคำผู้ที่เกี่ยวข้องและแจ้งข้อหาทำให้เสียทรัพย์กับผู้รื้อบ้านทิ้งส่วนจะแจ้งข้อหาเพิ่มต้องสอบปากคำผู้ที่เกี่ยวข้องอีกครั้งเพื่อประกอบสำนวนเพื่อดำเนินคดีตามกฏหมาย เบื้องต้นทางคู่กรณีจะนัดไกล่เกลี่ยพูดคุยกันเรื่องความเสียหายในวันที่ 4 ก.พ.65 นี้