นายกฯ หารือทูตออสเตรีย สานความร่วมมือรอบด้าน ฟื้นฟูเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน
4 ก.พ. 2565, 19:29
วันนี้ ( 4 ก.พ.65 ) เวลา 13.30 น. ณ ห้องสีงาช้าง ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล นางอีวา แฮเกอร์ (H.E. Mrs. Eva Hager) เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐออสเตรียประจำประเทศไทย เข้าเยี่ยมคารวะ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เนื่องในโอกาสพ้นจากหน้าที่ โดยภายหลังเสร็จสิ้นการหารือ นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยสาระสำคัญ ดังนี้
นายกรัฐมนตรีกล่าวต้อนรับเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐออสเตรียประจำประเทศไทย ชื่นชมความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างไทยกับออสเตรียที่มีความใกล้ชิดและแน่นแฟ้นยาวนานกว่า 153 ปี โดยนายกรัฐมนตรีหวังว่าทั้งสองฝ่ายจะร่วมกันส่งเสริมความสัมพันธ์และพัฒนาความร่วมมือระหว่างกันมากยิ่งขึ้น เพื่อผลลัพธ์ที่เป็นประโยชน์ต่อประเทศ ประชาชนของทั้งสองประเทศ โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีขอบคุณเอกอัครราชทูตออสเตรียฯ ที่ปฏิบัติหน้าที่อย่างแข็งขันเพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับออสเตรียตลอดระยะเวลาที่ดำรงตำแหน่ง พร้อมหวังว่า เอกอัครราชทูตออสเตรียฯ คนใหม่ จะสานต่อความสัมพันธ์ ซึ่งฝ่ายไทยพร้อมให้ความร่วมมือเป็นอย่างดีต่อไป
เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐออสเตรียประจำประเทศไทยขอบคุณนายกรัฐมนตรีที่สละเวลาให้เข้าเยี่ยมคารวะในวันนี้ ยินดีกับไทยในฐานะเจ้าภาพจัดการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค (APEC) ในปีนี้ ซึ่งออสเตรียพร้อมให้การสนับสนุนบทบาทของไทยอย่างเต็มที่ ตลอดจนชื่นชมความสัมพันธ์อันดีระหว่างไทยกับออสเตรียที่ดำเนินมาอย่างราบรื่นยาวนาน ซึ่งระหว่างที่ดำรงตำแหน่งที่ประเทศไทย ได้รับประสบการณ์ที่ดี ประเทศไทยมีวัฒนธรรม และภูมิประเทศที่สวยงาม คนไทยมีน้ำใจและเป็นมิตร สำหรับความร่วมมือระหว่างไทยกับออสเตรีย เอกอัครราชทูตออสเตรียฯ ยินดีที่ทั้งสองประเทศมีความร่วมมือที่เข้มแข็งในหลาย ๆ ด้าน โดยเฉพาะด้านการค้าและการลงทุน และด้านการศึกษา ซึ่งทั้งสองได้จัดทำบันทึกความเข้าใจร่วมกัน มั่นใจว่าทั้งสองฝ่ายจะร่วมกันผลักดันให้สามารถนำไปสู่การปฏิบัติให้ได้โดยเร็ว
สำหรับประเด็นเรื่องสถานการณ์โควิด-19 ไทยยินดีแลกเปลี่ยนประสบการณ์การดำเนินมาตรการควบคุมโควิด-19 ร่วมกับฝ่ายออสเตรีย พร้อมทั้งเป็นกำลังใจให้ทั้งสองฝ่ายผ่านพ้นสถานการณ์โควิด-19 ซึ่งคาดว่าสถานการณ์จะดีขึ้นเป็นลำดับ โดยขณะนี้ประเทศไทยได้เปิดประเทศต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติอีกครั้ง โดยนายกรัฐมนตรีหวังว่าทั้งสองฝ่ายจะมีการเดินทางไปมาหากันมากขึ้น และเป็นโอกาสเพิ่มพูนความร่วมมือด้านการท่องเที่ยวระหว่างกัน
ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องกันว่า ไทยกับออสเตรียยังมีศักยภาพที่จะเพิ่มพูนความร่วมมือระหว่างกันได้อีกมาก โดยเฉพาะด้านการค้าและการลงทุน ซึ่งทั้งสองฝ่ายมีการแลกเปลี่ยนการลงทุนระหว่างกันจำนวนมาก ทั้งนี้ ไทยพร้อมเพิ่มพูนมูลค่าการค้ากับออสเตรียมากขึ้นอย่างเท่าเทียม เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจอย่างยั่งยืนในช่วงหลังสถานการณ์โควิด-19 นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีได้เชิญชวนนักลงทุนออสเตรียให้เข้ามาลงทุนในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ในอุตสาหกรรมที่มีศักยภาพสูง 3 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มดิจิทัลและเทคโนโลยี 5G กลุ่มสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี และกลุ่มระบบขนส่ง/โลจิสติกส์อัจฉริยะ ซึ่งฝ่ายออสเตรียเห็นว่าเป็นโอกาสสำหรับนักลงทุนออสเตรีย เพราะประเทศไทยก็มีศักยภาพ และพร้อมผลักดันให้มีการขยายการลงทุนระหว่างกันเพิ่มเติมต่อไป
โอกาสนี้ ทั้งสองฝ่ายได้หารือในประเด็นความร่วมมือที่สำคัญด้านอื่น ๆ ร่วมกัน โดยในด้านวิชาการและการศึกษา ทั้งสองฝ่ายยินดีที่ความร่วมมือด้านการศึกษา มีความคืบหน้าอย่างเป็นรูปธรรม โดยเฉพาะด้านอาชีวศึกษา สำหรับความร่วมมือด้านกีฬา ซึ่งทั้งสองฝ่ายได้มีการลงนามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านกีฬาระหว่าง เมื่อปี 2564 นายกรัฐมนตรีหวังว่า จะเป็นโอกาสให้ทั้งสองฝ่ายพัฒนาความร่วมมือมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การแลกเปลี่ยนผู้ฝึกสอนกีฬา