ตำรวจคุมตัวเพื่อนบ้านข่มขืนเด็ก 11 ขวบ ทำแผนพร้อมตั้ง 5 ข้อหา
8 ก.พ. 2565, 18:48
ที่ จ.อุบลราชธานี สืบเนื่อง จากกรณีพ่อแม่ของเด็กหญิงวัย 11 ปี ชาวอำเภอวารินชำราบ จ.อุบลราชธานี ถูกเพื่อนบ้านลวงไปข่มขืน ขณะไปช่วยงานศพที่วัดใกล้หมู่บ้าน และวันเดียวกันยังนำไปข่มขืนในป่าหลังหมู่บ้านที่เหยื่ออาศัยอยู่ ระหว่างเกิดเหตุเหยื่อพยายามส่งไลน์ขอความช่วยเหลือจากผู้เป็นตา แต่กว่าจะรู้เรื่องก็ล่วงเลยข้ามวันมาแล้ว เหตุเกิดเมื่อคืนวันที่ 5 ก.พ.ที่ผ่านมา นอกจากนี้ เด็กหญิงรายนี้ ยังเปิดเผยก่อนหน้าถูกคนในหมู่บ้านหลอกข่มขืนและให้ใช้ปากสำเร็จความใคร่มาแล้วหลายครั้งนั้น
โดย เมื่อช่วงบ่ายๆ วันที่ 8 ก.พ. พ.ต.อ.บุรภัช บุรีภักดี ผกก.สภ.ห้วยขะยูง พร้อมด้วย ร.ต.อ.ไพบูลย์ พ่วงจินดา รองสารวัตรสอบสวนเจ้าของคดี นำตัวนายนุ (นามสมมติ) อายุ 19 ปี ผู้ต้องหาที่หลอกข่มขืนเหยื่อเด็กหญิงวัย 11 ปี รายนี้ ทำแผนประกอบคำรับสารภาพ โดยเริ่มในวัดแห่งหนึ่งของ อ.กันทรารมย์ ซึ่งเป็นรอยต่อติดกับหมู่บ้านของเด็กผู้หญิงคนนี้อาศัยอยู่ในตำบลห้วยขะยุง อ.วารินชำราบ (เดินข้ามถนนก็เป็นคนละอำเภอ)
โดยจุดแรกหลอกให้เด็กเดินไปหยิบน้ำในห้องเก็บของวัดให้เด็กถอนกางเกงออก ก่อนข่มขืน โดยผู้ต้องหาอ้างว่าไม่สำเร็จความใคร เพราะกลัวคนในงานศพมาเห็น หลังจากนั้น แยกย้ายกับเด็ก จนอีกราว 1 ชั่วโมงต่อมา เห็นเด็กปั่นจักรยานจะกลับเข้าบ้าน ก็เรียกให้เด็กเดินตามไปที่ป่าหลังหมู่บ้าน ห่างจากบ้านของผู้ต้องหาและเด็กไปประมาณ 50 เมตร ก็ทำการข่มขืนอีก ก่อนจะแยกย้ายกันกลับเข้าบ้านพัก โดยนายนุอ้างว่า ทำไปด้วยความเมาสุรา
นางสาวติ๋ม (นามสมมุติ) อา ของเด็กหญิงวัย 11 ปี เหยื่อกามอารมณ์ของนายนุ เปิดเผยว่าน้องได้ไปช่วยเสริฟน้ำในงานศพคนในหมู่บ้านซึ่งจัดอยู่ที่วัดใกล้เคียงห่างจากหมู่บ้านเพียง 500 เมตร ระหว่างนั้นไม่มีใครสังเกตุว่าน้องหายไปเมื่อถึงเวลากลับน้องก็กลับมามาบ้านตามปกติ จากนั้นตนเองก็เข้านอนเพราะต้องไปส่งพี่สาวทำงานตอนเข้า กลางดึกได้ยินเสียงข้อความเข้ามาในมือถือแต่ก็ไม่ได้เปิดดูจนเช้าถึงได้เห็นข้อความ ตนรู้สึกตกใจมากจึงได้ปรึกษากันในครอบครัวก่อนจะเรียกน้องมาถามแล้วเข้าแจ้งความ
ด้านนายหมาย ผู้เป็นบิดาของเด็กหญิงที่ถูกข่มขืนเล่าว่า คนที่กระทำกับลูกตนเป็นทั้งญาติห่างๆ และเป็นเพื่อนที่มีบ้านอยู่ตรงข้ามกัน ซึ่งตลอดมาลูกไม่เคยเล่าเรื่องให้ตนฟัง เพราะอาจเกรงว่าถ้าบอกจะถูกพ่อตี จะถูกพ่อดุด่า และเขาให้เงินใช้แต่ละครั้งหลายร้อย ถ้ามาขอตนก็ให้ทีละ 10-20 บาท และก็พูดสั่งสอนลูกอย่าใช้เงินเปลือง ก็ไม่คิดว่าลูกจะได้เงินมาแบบนี้ และไม่เคยถามลูก เนื่องจากคิดว่าเป็นญาติกันเป็นเพื่อนในหมู่บ้านสงสารลูกที่พ่อแม่หย่าร้างกัน ก็เลยให้เงินมาซื้อขนม ก็ไม่ผิดสังเกต
พ.ต.อ.บุรภัช บุรีภักดี ผกก.สภ.ห้วยขะยูง กล่าวว่า สำหรับที่เด็กให้ข้อมูลมีญาติและคนรู้จักในหมู่บ้านข่มขืนมาตั้งแต่ยังเรียนป.2 จนถึงป.5 รวมถึงวัยรุ่นอายุ 18 ปี ที่ให้สำเร็จความใคร่ด้วยปากเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา โดยแต่ละครั้งจะให้เงินเป็นค่าขนม 200-300 บาทนั้น พนักงานสอบสวนจะได้ร่วมกับสหวิชาชีพร่วมกันสอบปากคำเด็กหญิงผู้เสียหายในวันที่ 23 ก.พ. เพื่อรวบรวมหลักฐานใช้ดำเนินคดีกับผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องที่เหลือ
ส่วนกรณีของนายนุ เป็นเหตุที่เพิ่งเกิดขึ้น มีพยานหลักฐานค่อนข้างชัดเจนจากผลการตรวจยืนยันของแพทย์ รวมทั้งผู้ต้องหาก็ยอมให้การรับสารภาพ พนักงานสอบสวน จึงเร่งดำเนินการสอบสวนจับกุมตัวมาดำเนินคดีเป็นรายแรกก่อน
เบื้องต้นพนักงานสอบสวนแจ้งข้อหาข่มขืนกระทำชำเราเด็กหญิงอายุไม่เกิน 13 ปี กระทำอนาจารบุคคลอายุไม่เกิน 15 ปี พรากผู้เยาว์ไปจากบิดามารดา หน่วงเหนี่ยวกักขังผู้อื่นเพื่อการอนาจาร และสุดท้ายพาเด็กอายุไม่เกิน 15 ปี เพื่อการอนาจาร ซึ่งล้วนมีโทษสถานหนัก จำคุก 20 ปีถึงตลอดชีวิต พร้อมคุมตัวผู้ห้องส่งไปฝากขังต่อศาลในวันเดียวกัน