"เมียหลวง" ยื่นฟ้องสาวคนสนิทเสี่ยก้องปมชู้สาว เรียกค่าเสียหาย 3 ล้านบาท
14 ก.พ. 2565, 15:09
จากกรณีนายอภิชาติ พูลเผือก หรือ เสี่ยก้อง อายุ 39 ปี เสี่ยเจ้าของธุรกิจร้านเกาลัดชื่อดังในจังหวัดกาญจนบุรี เสียชีวิตหลังจากตกจากรถยนต์กระบะป้ายแดง ซึ่งมีน้องแหม่ม หญิงสาวคนสนิทเป็นคนขับรถ โดยญาติและภรรยาของเสี่ยก้อง ต่างติดใจในสาเหตุการเสียชีวิต หลังเห็นคลิปวีดีโอจากกล้องหน้ารถ ที่บันทึกภาพเหตุการณ์ขณะเสี่ยกล้องตกจากรถยนต์กระบะ และเผยให้เห็นพฤติกรรมของน้องแหม่มรวมถึงน้องชายและเพื่อนที่ขับรถตามหลังมาแต่ไม่รีบเข้าไปช่วยเหลือเสี่ยก้อง ปล่อยทิ้งให้เสี่ยก้องนอนได้รับบาดเจ็บอยู่นานกว่า 20 นาที กินตามมูลนิธิขุนรัตนาวุธมารับตัวนำส่งโรงพยาบาล แต่สุดท้ายเสี่ยก้องก็เสียชีวิตในที่สุด
ซึ่งหลังจากภรรยาและญาติๆของเสี่ยกล้อง ได้ออกมาเปิดเผยคลิปจากกล้องหน้ารถให้กับสื่อมวลชน และออกมา ขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจสอบเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างละเอียด ทางน้องแหม่ม หญิงสาวคนสนิทของเสี่ยก้อง และเป็นผู้ขับรถยนต์กระบะป้ายแดงคันเกิดเหตุ ก็ได้ออกมาตั้งโต๊ะแถลงข่าว ยืนยันว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นอุบัติเหตุ และตัวของน้องแหม่มรวมถึงน้องชายและเพื่อนที่อยู่ในเหตุการณ์ ไม่ได้ทอดทิ้งเสียกล้องและรีบนำตัวส่งโรงพยาบาลทันที ไม่ได้มีการทอดทิ้งหรือจงใจปล่อยให้เสี่ยก้องเสียชีวิตอย่างที่ครอบครัวและภรรยาของเสี่ยก้องกล่าวหา นอกจากนี้ น้องแหม่มยังเปิดเผยว่าตนเองเป็นภรรยาคนที่ 2 ของเสี่ยก้องและมีลูกด้วยกัน 1 คน จึงไม่มีสาเหตุที่จะต้อง พยายามฆ่าเสี่ยกล้องซึ่งเป็นสามีและเป็นพ่อของลูกนั้น
ล่าสุดวันนี้ 14 กุมภาพันธ์ 2565 ผู้สื่อข่าว ONB news รายงานว่า นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือ ทนายตั้ม ได้พานางสาวพภัสสรณ์ ปิ่นจุ หรือน้องนุ่น อายุ 37 ปี ภรรยาหลวงของเสี่ยกล้อง เดินทางมาที่ศาลเยาวชนและครอบครัวจังหวัดกาญจนบุรี เพื่อยื่นฟ้องน้องแหม่ม ในเรื่องชู้สาว พร้อมเรียกค่าเสียหายจากน้องแหม่มเป็นเงินจำนวน 3 ล้านบาท โดยทนายตั้ม กล่าวว่า การเดินทางมายื่นฟ้องน้องแหม่มในวันนี้ สืบเนื่องมาจากพฤติกรรมของน้องแหม่ม ที่ได้มีการเดินสายไปออกรายการและให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนหลายสำนัก ยอมรับว่าตัวเองเป็นภรรยาคนที่ 2 ของเสี่ยก้อง และยังมีลูกกับเสี่ยก้องอีก 1 คน ซึ่งถือเป็นการยอมรับอย่างเปิดเผยและทำให้สังคมในวงกว้าง ได้รับรู้เรื่องราวดังกล่าว ทำให้น้องนุ่น ซึ่งเป็นภรรยาหลวงที่จดทะเบียนถูกต้องตามกฎหมายของเสี่ยก้อง ได้รับความอับอาย เสื่อมเสียชื่อเสียง ดังนั้น น้องนุ่นจึงได้ดำเนินการฟ้องแพ่งเรียกค่าเสียหายจากน้องแหม่มเป็นเงิน 3 ล้านบาทดังกล่าว โดยคดีนี้ ศาลเยาวชนและครอบครัวจังหวัดกาญจนบุรีจะได้นัดสืบพยานในช่วงเดือนเมษายนที่จะถึงนี้
ในส่วนของคดีอาญา ทางน้องนุ่นได้เข้าแจ้งความดำเนินคดีใน 3 ข้อหา คือ 1 ดำเนินคดีกับน้องแหม่มในข้อหา ขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นเสียชีวิต 2 ดำเนินคดีกับน้องแหม่มในความผิดฐานทำร้ายร่างกายของน้องรุ่นที่บริเวณหน้าคลินิกฝากครรภ์ในอำเภอท่าม่วง ซึ่งมีคลิปวีดีโอจากกล้องวงจรปิดบริเวณหน้าคลินิกเป็นหลักฐาน และ 3 แจ้งความขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจสอบ กรณีเงินในบัญชีของเสี่ยก้อง หายไป หลังจากที่เสียบกล้องเข้ารักษาตัวและเสียชีวิตที่โรงพยาบาล ซึ่งเป็นเงินหลักแสนบาท โดยขณะนี้ พนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรท่าม่วงกำลังอยู่ในระหว่างการติดตามสอบสวน เรื่องของเงินในบัญชีที่หายไป ซึ่งเมื่อได้ข้อมูลว่าใครเป็นผู้ถอนเงินออกไปจากบัญชีของเสี่ยก้องและโอนเงินไปให้ใคร ทางน้องนุ่นก็จะได้มอบหมายให้ทนายความดำเนินคดีฟ้องร้องกับทั้งคนที่ถอนเงินและคนที่รับโอนเงินไปตามกฎหมายต่อไป
ด้านน้องนุ่น ภรรยาหลวงของเสี่ยก้อง กล่าวว่า ในช่วงแรกที่เกิดเรื่องขึ้น ตนเองไม่มีความรู้ในเรื่องข้อกฎหมายมากนัก เมื่อได้ทนายตั้มเข้ามาช่วยดูแลเรื่องคดีความให้ ก็ได้รับคำแนะนำเป็นอย่างดี ต้องขอขอบคุณทนายตั้มที่มาช่วยว่าความและดูแลเรื่องคดีความในครั้งนี้ให้ ส่วนสาเหตุที่ตัดสินใจเข้าฟ้องร้องดำเนินคดีกับน้องแหม่ม ก็เป็นเพราะ การที่น้องแหม่ม ไปเดินสายออกรายการให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนถึงเรื่องที่มีความสัมพันธ์เชิงชู้สาวกับเสี่ยก้องซึ่งเป็นสามี ที่จดทะเบียนสมรสอย่างถูกต้องตามกฎหมายของตน สร้างความอับอาย และเสื่อมเสียชื่อเสียงให้กับตนเป็นอย่างมาก นอกจากตน ต้องเสียใจกับการที่สามีเสียชีวิตไปแล้ว ยังต้องมาแบกรับและคอยตอบคำถามกับคนรู้จักที่ทราบเรื่องดังกล่าว ผ่านการให้สัมภาษณ์ของน้องแหม่ม ทำให้ตนเองนะไปร์ทและเสียชื่อเสียงเป็นอย่างมาก จนถึงตอนนี้ ตนเองก็ยังไม่สามารถกลับไปทำงานได้ตามปกติ เพราะยังไม่สามารถที่จะตอบคำถามของคนรู้จักในที่ทำงานได้ ถึงได้ตัดสินใจเข้าฟ้องร้องดำเนินคดีเรียกค่าเสียหายจำนวน 3 ล้านบาทดังกล่าว