หนุ่มนักวิทยาศาสตร์การกีฬา ใช้ช่วงโควิด-19 ระบาดทำงานจิตอาสา ช่วยผู้ป่วยติดเตียงกลับมาสู้อีกครั้ง
18 ก.พ. 2565, 11:46
ตลอดช่วงเวลาระยะราว 3 ปี ที่ผ่านมา ในช่วงการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 บุคลากรทางการแพทย์ มีภารกิจในการรักษาและควบคุมสถานการณ์การแพร่ยระบาดที่เกิดอย่างหนัก ซึ่งเป็นการพลิกโฉมวงการแพทย์ไปอีกครั้งหนึ่ง โดยยังมีผู้ป่วยในกลุ่มผู้ป่วยติดเตียงที่ได้รับผลกระทบไปด้วย
นายชิษณุพงศ์ ยะอ้อน หรือมะเดี่ยว อายุ 40 ปี สมาชิกของสมาคม วิทยาศาสตร์การกีฬาแห่งประเทศไทย อาจารย์พิเศษโรงเรียนนายร้อยตำรวจ เผยว่า ในของการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ตนเองได้เปิดกิจการฟิตเนส ซึ่งได้รับผลกระทบโดยตรงเนื่องจากเป็นสถานประกอบการที่ถูกกำหนดให้มีการปิดบริการ โดยทำให้มีเวลาว่างมากขึ้น แต่ก็ยังไม่คนรู้จักแจ้งเข้ามาว่ามีผู้ป่วยติดเตียงที่หวังจะกลับมายืนและเดินได้ แต่ไม่สามารถมาที่โรงพยาบาลเพราะโรงพยาบาลก็มีการจำกัดจำนวนคนและพื้นที่ในการรับการรักษา รวมถึงบางรายที่ต้องได้รับการสร้างกล้ามเนื้อก็ไม่มีบุคคลากรทางการแพทย์ สามารถเข้ามาดูแลได้เพราะติดภารกิจในหน่วยงานเพื่อแก้ไขปัญหาให้กับผู้ป่วยที่ติดเชื้อ
มะเดี่ยว ชิษณุพงศ์ บอกว่า จากเวลาที่ว่างงานก็ได้เริ่มปรับตัวเป็นงานจิตอาสา ซึ่งได้รับหน้าที่มาเป็นนักวิทยาศาสตร์การกีฬา ประจำศูนย์ฟื้นฟู วัดไผ่ล้อม ซึ่งได้มีโอกาสมีดูผู้ป่วยหลายรายที่นอนติดเตียง ส่วนใหญ่ก็จะเป็นผู้สูงอายุ และวัยกลางคนที่ประสบปัญหาเกี่ยวกับหมอนรองกระดูก และโรคหลอดเลือดสมอง ซึ่งกลุ่มหลังต้องได้รับการสร้างกล้ามเนื้อและฝึกการเดินขึ้นมาอีกครั้ง จึงได้คิดว่า ตนเอง พอมีความรู้ในการช่วยเหลือผู้ป่วย เพราะจบทางด้าน สาขาวิทยาศาสตร์การกีฬาและเทคโนโลยีทางการกีฬา , หลักสูตรฟื้นฟูผู้ป่วย(Rehab) , หลักสูตรกายภาพหลังและคอ(Rehab) จากมหาวิทยาลัยมหิดล แม้จะไม่ได้จบทางด้านนักกายภาพมาโดยตรงแต่ก็พอที่จะนำเอาความรู้ที่มีมาช่วยเหลือเบื้องต้นให้กับผู้ที่ต้อการความช่วยเหลือได้
“ ผมเริ่มใช้เวลาว่างรับดูแลผู้ป่วยโดยมีกลุ่มที่ไม่มีรายได้ จากช่วงสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ถ้าผมไปไหวผมก็ไปช่วยฟรี หารายได้จากทางอื่นมาช่วยค่าน้ำมันให้เราไปช่วยเขาได้ เราก็ทำเต็มความสามารถเพราะเจอมาหลายรายที่หากปล่อยไว้เขาจะกลายจากผู้ป่วยติดเตียงจะกลายแป็นคนพิการ มีหลายรายที่เราทำให้เขากลับมาลุกยืน และพอเดินได้ มีหลายรายต้องยอมรับว่าเขาอาการหนัก แต่เราก็พยายามให้เขาขยับตัวได้เพื่อจะได้ไม่มีปัญหาแผลกดทับ และผมก็ได้สอนวิธีเบื้องต้นให้กับญาติ เพื่อจะได้ดูแลและฝึกต่อจากผม ซึ่งช่วงที่ผ่านมาก็ดีใจที่ช่วยเขาได้” มะเดี่ยว ชิษณุพงศ์ เล่าให้ฟังถึงเส้นทางการทำงานด้วยจิตอาสา
มะเดี่ยว ชิษณุพงศ์ บอกต่อว่า วันนี้แม้สถานการณ์ของการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 จะมีการได้รับการฉีดวัคซีนกับมากแล้ว แต่คนที่ขาดรายได้เข้าบ้านก็ไม่มีเงินที่จะพาผู้ป่วยไปหาหมอ ไม่มีเงินจ้างนักกายภาพมาดูแลที่บ้าน มีหลายคนที่กำลังต้องการความช่วยเหลือเพราะโรคสโต๊ก มันเกิดขึ้นทั่วประเทศเยอะไปหมด ผมก็อยากเชิญชวนให้คนที่มีความรู้ทางด้านกายภาพ หรือนักวิทยาศาสตร์การกีฬา แบบผมก็เอาความรู้ความสามารถมาช่วยคนอื่นได้ หรือหากความรู้ไม่พอเราก็สามารถไปเรียนรู้เพิ่มเติมได้ เพราะทุกวันนี้ผมเห็นคนกลับมาเดินได้จากนอนติดเตียงไร้ความหวังก็มีการกลับมายืนได้อีกครั้ง มันทำให้เรามีความสุข และสังคมยังต้องการการช่วยเหลือกันอีกหลายด้าน ซึ่งวิชาชีพของผมก็สามารถมาช่วยเหลือผู้ป่วยที่ยังคงอยู่ในที่พักได้ ซึ่งนอกจากจะช่วยตัวผู้ป่วยให้กลับมาใช้ชีวิตได้อีกใกล้เคียงอีกครั้ง เรายังจะช่วยญาติของเขาให้สามารถออกไปหารายได้เข้าบ้านได้ มันจะช่วยสังคมให้ค่อยๆลุกขึ้นมาได้อีกครั้งแม้มันจะช้าแต่ก็ยังดีกว่าที่เราจะไม่เอาวิชาชีพของเรามาช่วยอะไรในบ้านเมืองยามวิกฤติเลย
มะเดี่ยว ชิษณุพงศ์ บอกปิดท้ายว่า วันนี้แม้รายได้ของตัวเองยังไม่มากเพราะกิจการก็ปิดตัวไป แต่ก็ได้พยายามหาแนวทางในการดำเนินชีวิตในวิชาชีพของที่ได้เรียนรู้มาให้เกิดประโยชน์กับสังคมได้ ซึ่งนอกจากนี้ยังมีการรับดูแลเป็นเทรนเนอร์ พิเศษให้กับสถานออกกำลังกายสำหรับคนที่อยากปรับปรุงบุคลิกภาพและสร้างสุขภาพที่ดี โดยต้องมีการปรับรูปแบบการดูแลผู้ที่อยากจะออกกกำลังกาย สร้างกล้ามเนื้อ จากการได้ลงพื้นที่ไปดูแลผู้ป่วย โดยจะต้องเข้มและเน้นการดูแลตัวเองในเรื่องของการป้องกันไม่ให้ตัวเองเสี่ยงติดเชื้อและเป็นพาหะของการแพร่ระบาดได้ ซึ่งถือเป็นวินัยที่ต้องรับผิดชอบต่อสังคมร่วมกัน ที่ต้องมีการเข้มในการมาตรการนี้อยู่ แม้เราจะได้รับวัคซีนกันมากแล้วก็ตาม