ลืออาถรรพ์ป่าช้าเก่า-เจ้าที่เฮี้ยน พระอยู่ไม่ได้จบชีวิตสลด! ชาวบ้านเชื่อหนีเรื่องลี้ลับ
18 ก.พ. 2565, 14:43
วันนี้ (18 ก.พ.65) มีรายงานว่า ร.ต.อ.อภิวุฒิ ลีโพนทอง รองสารวัตร(สอบสวน)สภ.หนองหาน จ.อุดรธานี รับแจ้งจากนายนิพนธ์ พึ่งคำนวน ผู้ใหญ่บ้านบ้านม่วง หมู่ที่ 12 ต.หนองหาน อ.หนองหาน จ.อุดรธานี ว่า มีเหตุพระผูกคอตายที่กุฏิภายในวัดป่าบ้านม่วง (ธ) เลขที่ 355 หมู่ที่ 5 และ 12 ต.หนองหาน อ.หนองหาน จ.อุดรธานี ขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจออกตรวจยังสถานที่เกิดเหตุด้วย หลังจากได้รับรับแจ้งเหตุแล้วรีบแจ้งหน่วยกู้ภัยส่งเสริมธรรมอุดรธานีจุดบริการอำเภอหนองหานออกเหตุในเบื้องต้นพร้อมออกตรวจยังสถานที่เกิดเหตุทันที ถึงที่เกิดเหตุพบชาวบ้านที่ทราบข่าวและญาติผู้เสียชีวิตมามุงดูจำนวนหนึ่ง
โดยกุฏิที่เกิดเหตุเป็นกุฏิยกสูงขนาดเล็กอยู่กลางป่าต้องเดินลัดเลาะเข้ามาตามป่า พบศพทางญาติโยมนำลงมาจากบ่วงที่ใช้เชือกตากผ้าห้อยกับขื่อลงมาก่อนเจ้าหน้าที่มาถึง วางศพไว้ชานกุฏิ สภาพศพนอนเหมือนคนนอนหลับปกติธรรมดา และในที่เกิดยังพบข้าวของเครื่องสำหรับพระเพื่อจัดเตรียมตัวออกจากกุฏิ ทราบชื่อพระที่เสียชีวิตชื่อพระนิรันดร์ สาชมภู อยู่บ้านเลขที่ 346 หมู่ที่ 11 ต.หนองหาน อ.หนองหาน จ.อุดรธานีเป็นพระลูกวัดวัดป่าบ้านม่วง บวชมาแล้ว 4 พรรษา จากการตรวจตามร่างกายไม่มีบาดแผลตามร่างกาย
นางแดง ใจเข้มแข็ง ป้าของพระผู้เสียชีวิต บอกว่า ไม่ได้ติดใจในการเสียชีวิตของหลานชาย ส่วนแม่ผู้ตายนั้นทำงานอยู่ต่างประเทศ ผู้ตายเคยแต่งงานมาแล้ว อายุมากแล้วก็บวช ส่วนผู้ตายนั้นไม่มีโรคประจำตัวร่างกายแข็งแรง เมื่อคืนก่อนตัดสินใช้เชือกผูกคอตายนั้น ได้ออกไปหาพระอาจารย์พระปิยะ ธัมโม หรือพระอาจารย์ต้อม ซึ่งเป็น เจ้าอาวาสไปคุยกันก่อนว่าอยู่ไม่ได้แล้ว มีคนมารบกวนตลอด หากไม่หนีก็ตาย อยู่ก็ตาย ก็ไม่ได้สงสัยอะไรนึกว่าพระนิรันดร์พูดเล่นจนมารู้ว่าว่าผูกคอเสียชีวิตภายในกุกิจึงรีบออกมาดู ส่วนตัวผู้ตายนั้นไม่มีโรคประจำตัวและไม่เกี่ยวกับสิ่งเสพติดแต่อย่างใด
พระอาจารย์ ปิยะ ธัมโม เจ้าอาวาส บอกว่า วัดป่าบ้านม่วงมีเนื้อที่ประมาณ 131 ไร่เป็นป่าชุมชน มีเนื้อที่บางส่วนที่ชาวบ้านให้เป็นวัดป่าซึ่งแต่ก่อนเคยเป็นป่าช้าเก่า สร้างมาแล้ว 8 ปี รวมถึงกุฏิพระที่ใช้เชือกผูกคอส่วนในเรื่องความเชื่อว่าพระผู้ตายถูกรบกวนด้วยคนหรือวิญญานตนไม่ทราบ เพราะพระไม่เชื่อเรื่องนั้นแ ต่ชาวบ้านเชื่อก็เรื่องของชาวบ้าน ก่อนเกิดเหตุนั้นพระผู้ตายนั้นได้มาหาตนที่กุฎิว่าอยู่ไม่ได้จะต้องหนีไม่หนีก็ต้องตาย อยู่ก็ตาย เจ้าอาวาสถามว่าใครมารบกวนพระนิรันดร์ก็ไม่ตอบ สุดท้ายผู้ตายไปขนข้าวของจะมานอนด้วย แต่พอถึงประมาณตี 4 ก็ขนข้าวของกลับไปที่เดิม ก็เงียบไป พอถึงตีห้าครึ่งตนเข้าไปเพื่อไปเรียกไปรับบิณฑบาตร มองไปบนกุฏิเห็นเหมือนผู้ตายยืนอยูพอเรียกก็ไม่ตอบ เข้าไปใกล้ๆจึงพบว่าใช้เชือกผูกคอตายแล้ว
ขณะที่ชาวบ้านเชื่อว่า บริเวณกุฏิที่เคยร้างมาหลายปีไม่มีพระมาอาศัยสร้างอยู่เคยเป็นป่าช้าเก่า ต่อมาผู้ตายเห็นว่าเป็นสงบเงียบดีจะเข้ามาอยู่ชาวบ้านและเจ้าอาจารย์พระอาจารย์ต้อมจึงปรับปรุงให้ให้ผู้ตายเข้าไปจำวัดอยู่ได้ไม่นานไม่ถึงเดือนผู้ตายมีอาการเปลี่ยนไปบอกว่ามีคนมารบกวนเหมือนจะเอาชีวิตแต่ไม่บอกว่าว่าเป็นคนหรืออะไร ถึงกับขนข้าวของจะหนีแต่สุดท้ายขนกลับมาที่เดิมและใช้เชือกผูกคอตาย ขณะที่ชาวบ้านลืออาถรรพ์วิญญาณเจ้าที่เฮี้ยนเชื่อว่าบริเวณสร้างกุฏิเป็นป่าช้าเก่าอาจทับหลุมฝังศพก็เป็นได้