นายโภคิน  เกิดศรี อายุ 52 ปี เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวถึงจุดเริ่มต้นที่ได้มาปลูกโกโก้เสริมในสวนทุเรียนว่า ตนเองได้มีโอกาสไปศึกษาดูงานการแปรรูปโกโก้ที่มหาวิทยาลัยแม่โจ้ ที่อำเภอละแม จังหวัดชุมพร โดยได้มีการให้ดูงานในเรื่องการแปรรูปโกโก้ เมื่อไปดูแล้วก็เห็นว่าไม่ได้ยากอย่างที่คิด วิธีการขั้นตอนไม่ยุ่งยาก และสามารออกมาเป็นช็อกโกแลตมันก็น่าสนใจและเด็กๆที่บ้านก็ชอบกินช็อกโกแลต เลยมีความคิดว่าลองเอามาปลูกและแปรรูปดู  ปัจจุบันนี้หลัง

จากที่ปลูกและโกโก้เริ่มให้ผลผลิตแล้วนั้น ขั้นตอนในเรื่องของการแปรรูปนั้นอยู่ในระหว่างพูดคุยในเรื่องของกระบวนการและวิธีการ  ซึ่งนี่คือจุดเริ่มต้นที่ได้นำโกโก้มาปลูกในสวนทุเรียน เริ่มต้นที่ประมาณ 50 ต้น

นายโภคิน  เล่าว่าเมื่อได้นำต้นโกโก้มาปลูกแล้วนั้น ผ่านไประยะเวลาประมาณปี กว่าๆโกโก้เริ่มให้ผลผลิต โดยที่ไม่ได้ดูแล เพราะโกโก้ที่ปลูกในสวนทุเรียนนั้นได้น้ำได้ปุ๋ยจากที่เราดูแลทุเรียนอยู่แล้ว ที่สำคัญโกโก้ไม่มีศัตรูพืชมารบกวน และโกโก้มีอายุยืนยาว และสามารถเจริญเติบโตอยู่ในที่ร่มได้ น้ำหนักของผลโกโก้นั้นจะค่อยๆมีผลผลิตที่โตขึ้นตามอายุของต้น ในปีแรกๆนั้นผลผลิตอาจจะไม่ได้ใหญ่มากหนัก แต่เมื่ออายุ 3 ปีขึ้นไปนั้นจะมีผลผลิตแต่ละลูกประมาณ 7 ขีดขึ้นไป  เห็นน้ำหนักของโกโก้ปีแรกที่ออกผล จึงคิดว่ามันน่าจะเป็นพืชเศรษฐกิจอีกตัวที่ปลูกในพื้นที่บ้านเราได้และให้ผลผลิตที่ดีพอสมควร  หลังจากนั้นจึงได้สั่งต้นโกโก้มาปลูกในพื้นที่สวนผสม อีก 300 ต้น ปัจจุบันนี้ผ่านไป 1  ปี

บางต้นเริ่มให้ผลผลิตแล้ว  โดยสวนที่ปลูกโกโก้นั้น ตนเองจะปลูกกาแฟ ขนุน กล้วย หมาก มะพร้าว ทุเรียน และไม้เศรษฐกิจ  สามารถเอาโกโก้เข้าไปปลูกผสมได้โดยไม่ต้องไปดูแลอะไร ปัจจุบันนี้ถึงแม้ว่าราคาจะไม่โดดเด่นมากแต่ก็สามารถขายได้  โดยราคาล่าสุดที่ตนเองได้เก็บไปขายนั้น ลูกใหญ่จะอยู่ที่ราคา 20 บาท ลูกเล็กจะอยู่ที่ราคากิโลกรัมละ 15 บาท ที่สำคัญโกโก้สามารถเก็บได้นาน จากที่ผลเริ่มสุกจนสามารถเก็บเกี่ยวได้นั้นอยู่ประมาณ 20 วัน หากเทียบกับผลไม้ชนิดอื่นๆหากสุกแล้วไม่เก็บเกี่ยวก็ทำให้ผลผลิตเกิดความเสียหาย สามารถดึงเวลาการเก็บเกี่ยวได้  ระยะการเก็บเกี่ยวนั้น สามารถเก็บเกี่ยวได้ทุกๆ7 วัน โกโก้เป็นพืชที่เมื่อปลูกแล้วนั้นจะไม่ไปสร้างผลกระทบกับพืชผลชนิดอื่นๆ

หากพูดถึงในอนาคต ตลาดการรับซื้อจะเป็นยังไงก็ยังไม่สามารถบอกได้ แต่ในส่วนตัวนั้นคงผลักดันในเรื่องของการแปรรูป ส่วนตัวถ้าถามว่าจะปลูกโกโก้เพิ่มอีกหรือไม่นั้น นายโภคิน  กล่าวต่อว่า คงปลูกเพียงเท่านี้ เพราะหากตลาดการรับซื้อไม่ได้เป็นอย่างที่คาดหวัง การนำผลผลิตมาแปรรูปก็สามารถทำได้ แต่ถ้าเยอะเกินไปคงไม่สามารถทำได้ หากย้อนกลับไปเมื่อประมาณ 30 ปีที่แล้วพื้นที่บริเวณนี้เรียกได้ว่าเกือบทุกสวนจะมีการปลูกโกโก้ แต่สุดท้ายก็จบลงที่ปลูกแล้วไม่มีตลอดรองรับ เมื่อไม่มีตลาดขายก็เปลี่ยนไปปลูกพืชเศรษฐกิจตัวอื่นแทนโกโก้ก็เริ่มหายไป ส่วนหนึ่งเพราะในอดีตข้อมูลข่าวสารต่างๆชาวบ้านไม่สามารถเข้าถึงได้ ไม่ได้กว้างเหมือนปัจจุบันนี้ที่สามารถค้นหาข้อมูลได้จากในอินเตอร์เน็ต ทำให้เกิดการเรียนรู้ในเรื่องการนำเอาโกโก้มาแปรรูป และสร้างมูลค่าเพิ่มจากโกโก้ได้อย่างไร รวมไปถึงการปลูกโกโก้ไม่จำเป็นต้องปลูกเป็นพืชเชิงเดี่ยว แต่สามารถปลูกร่วมกับพืชชนิดอื่นๆได้ ซึ่งหากโกโก้ไม่สามารขายได้เราก็ยังมีพืชผลชนิดอื่นๆไว้ขายได้

เรียกได้ว่า โกโก้คงเป็นพืชทางเลือก พืชเศรษฐกิจอีกตัวที่กำลังกลับมาเป็นที่สนใจกับชาวสวนในจังหวัดชุมพร และจังหวัดใกล้เคียง เพิ่มมากขึ้น ด้วยตลาดที่กว้าง และมีการแปรรูปที่ชาวบ้านสามารถเข้าถึงได้มากยิ่งขึ้น และยังสามารถทำได้ในครัวเรือน ปลูกเองผลิตเอง ขายเอง สามารถกำหนดราคาเองได้