วันที่ 11 มี.ค. 65 ผู้สื่อข่าว ONB news รายงานว่า นางวิภาศิริ พุทธา อายุ 43 ปี เดินทางเข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรเมืองกาญจนบุรีพร้อมนำคลิปวีดีโอจากโทรศัพท์มือถือซึ่งเป็นหลักฐานสำคัญ มอบให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจไว้เป็นหลักฐานในการติดตามจับกุมตัวนายเอ ไม่ทราบชื่อและนามสกุลจริง เพื่อนของสามีนางวิภาศิริ ที่ได้ก่อเหตุ ใช้อาวุธปืนรัวยิงใส่เข้ามาภายในบ้านของนางวิภาศิริ จำนวน 3 นัด กระสุน 1 นัด ไปถูกลูกชายของนางวิภาศิริ ได้รับบาดเจ็บ

โดยนางวิภาศิริ ที่ยังคงอยู่ในอาการตื่นตกใจ เล่าถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่า เมื่อช่วงเย็นวันที่ 11 มีนาคม นายโม (คนในคลิปใส่เสื้อสีดำ) ซึ่งเป็นสามีคนปัจจุบันของตน ได้ไปตรวจหาเชื้อโควิด-19 ที่โรงพยาบาล และพบว่าติดเชื้อ จึงได้เดินทางกลับมาเก็บเสื้อผ้าที่บ้านเพื่อเตรียมจะไปกักตัว แต่ปรากฏว่า นายเอ (คนในคลิปใส่เสื้อสีขาว) ซึ่งเป็นเพื่อนสนิทของโม เมื่อทราบข่าวว่านายโมติดเชื้อโควิด-19 ก็รีบเดินทางมาหานายโมที่บ้าน พร้อมพูดจาหว่านล้อม ชักชวนให้นายโมออกไปดื่มเหล้าด้วยกันก่อนจะไปกักตัว เนื่องจากนายเอ ทำประกันโควิดไว้ จึงอยากติดเชื้อจากนายโม จะได้รับประกันจำนวน 50,000 บาท ทั้งสองคนจึงขับรถออกไปด้วยกันตั้งแต่ช่วงเย็น กระทั่งเวลาประมาณ 20.00 น. นายเอ ได้พานายโม สามีของนางวิภาศิริ มาส่งที่บ้าน โดยเมื่อกลับมาถึง นายโมและนายเอ ได้มีปากเสียงกับนางวิภาศิริ เรื่องที่นายเอ มาพานายโมหนีไปดื่มเหล้า ทั้งที่รู้ว่านายโมติดโควิด เมื่อเริ่มมีปากเสียงกัน นายโมและนายเอ ได้ตะโกนด่าและท้าทาย ให้นายสหัสวรรษ อายุ 21 ปี ลูกติดจากอดีตสามีของนางวิภาศิริ เดินออกไปชกกับนายโมหน้าบ้าน แต่นางวิภาศิริพยายามห้ามและพยายามไล่ให้ ทั้งสองคนกลับไป ก่อนที่นายเอ จะเดินเข้ามาภายในบ้าน

ซึ่งขณะนั้น มีลูกชายของนางวิภาศิริ  พร้อมกลุ่มเพื่อนประมาณ 4 คนนั่งเล่นโทรศัพท์มือถือกันอยู่ รวมถึงยังมี นางวิภาศิริ พร้อมด้วยลูกสาวคนรองและลูกสาวคนเล็ก อายุประมาณ 2 ขวบนั่งอยู่ด้วย โดยนายเอ ได้ชักปืนที่อยู่ในกระเป๋าออกมาวางบนโต๊ะและพูดจาหาเรื่องอีกครั้ง นางวิภาศิริ จึงหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาถ่ายคลิปและไล่ให้ทั้งสองคนออกไปจากบ้านของตน พร้อมตะโกนบอกไปว่าไม่ใช่นายเอคนเดียวที่มีปืน เมื่อนายเอได้ยิน จึงควักปืนออกมารัวยิงใส่เข้ามาภายในบ้าน บริเวณที่กลุ่มลูกของนางวิภาศิรินั่งอยู่ จำนวน 3 นัด ทุกคนในบ้านจึงพากันวิ่งหลบ แต่กระสุนไปถูกที่บริเวณก้นของนายสหัสวรรษ จำนวน 1 นัด หลังยิงเสร็จ นายเอ พร้อมกับนายโม ได้ขับรถยนต์กระบะหลบหนีไปจากที่เกิดเหตุอย่างใจเย็น ส่วนนางวิภาศิริ ได้รีบแจ้งเจ้าหน้าที่มูลนิธิพิทักษ์กาญจน์มารับตัวนายสหัสวรรษส่งโรงพยาบาลพหลพลพยุหเสนา เบื้องต้น แพทย์ทำการตรวจสอบพบว่ากระสุนฝังใน อาจต้องทำการผ่าตัด

นางวิภาศิริ กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตนยอมรับว่าตกใจมาก เพราะไม่คิดว่านายโม ซึ่งเป็นสามีของตนอยู่กินกันมา 4 ปี จนมีลูกสาวด้วยกัน 1 คน จะไม่ห้ามเพื่อนและปล่อยให้เพื่อน ใช้ปืนยิงเข้ามาภายในบ้าน โดยไม่กลัวว่ากระสุนจะถูกลูกสาวของตัวเองบาดเจ็บ ซึ่งจากนี้ ตนและนายโม ก็คงจะอยู่ร่วมกันไม่ได้อีกต่อไป ตนจึงนำคลิปวีดีโอบันทึกเหตุการณ์ มอบให้กับตำรวจเพื่อใช้ติดตามจับกุมตัว นายเอ ซึ่งเป็นคนยิงปืน และนายโม มาดำเนินคดีตามกฏหมายให้ได้