วิจิตรอลังการ ! "เมรุวัดดัง" สวยที่สุดในไทย สร้างด้วยงบศรัทธากว่า 14 ล้าน ฝีมือพระนักพัฒนาออกแบบเอง
12 ก.ย. 2562, 15:18
วันที่ 12 ก.ย. 62 ผู้สื่อข่าวประจำ จ.สุรินทร์ ได้ทราบข่าวจากชาวบ้านว่า พบเมรุเผาศพที่วัดแห่งหนึ่ง มีลวดลายที่วิจิตรงดงาม และมีสีทองเหลืองอร่ามทั้งเมรุ ซึ่งหาดูได้ยากและแตกต่างจากเมรุเผาศพของวัดทั่วๆไปเป็นอย่างมาก และแทบมองไม่ออกว่าเป็นเมรุเผาศพ เพราะเหลืองอร่ามไปทั้งหมด ชาวบ้านที่ไปทำบุญส่วนใหญ่เมื่อไปถึงก็ต้องเดินไปชมความสวยงามของเมรุแห่งนี้ก่อนเป็นอันดับแรก โดยทราบว่าเมรุเผาศพดังกล่าว ตั้งอยู่ที่วัดสังข์มงคล บ.ขยอง ต.ตาอ็อง อ.เมือง จ.สุรินทร์
ผู้สื่อข่าวประจำ จ.สุรินทร์ จึงเดินทางลงพื้นที่ ไปยังวัดดังกล่าว ก็พบกับชาวบ้านกลุ่มหนึ่งกำลังเดินชมความวิจิตรงดงามของเมรุเผาศพ และต่างถึงกับทึ่งกับลวดลายไทยต่างๆที่ประดับไปทั่วทั้งองค์เมรุเผาศพ อย่างวิจิตรงดงามและเหลืองอร่าม ตั้งอยู่ติดกับบรรยากาศกลางทุ่งนา โดยตั้งแต่ฐานเมรุไปจนถึงยอดเมรุ บริเวณโดยรอบประกอบด้วยลายไทยสวยสดงดงามวิจิตร และประติมากรรมปูนปั้นลอยตัว องค์เทวดา ยืนถือพุ่ม หอกและดาบ อยู่รอบเมรุทั้ง 4 ทิศ ซึ่งมีความสง่างามยิ่งนัก รวมทั้งเทวดาที่นั่งเชิญฉัตร เรียงรายอยู่ตามราวบันได้ขึ้นเมรุที่สวยงามทั้ง 4 ทิศ และยังมีสัตว์หิมพานต์และพญานาคต่างๆประดับรอบตัวเมรุทั้งด้านบนและด้านล่าง ทั้ง 4 ทิศอีกด้วย
นอกจากนี้ ยังมีศาลาธรรมมาศน์ ทั้ง 4 ทิศ มีหลังคาเป็นซุ้มไล่ระดับ 4 ชั้น ที่สวยงาม เพื่อให้พระสงฆ์ได้ขึ้นประกอบพิธีบนเมรุอีกด้วย ทั้งหมดเป็นการออกแบบของหลวงพ่อญา สีลวัณโณ เจ้าอาวาสวัดสังข์มงคล บ.ขยอง ต.ตาอ็อง อ.เมือง จ.สุรินทร์ ที่ออกแบบลวดลายประยุกต์รูปแบบของเมรุต่างๆโดยไม่ได้ใช้นักออกแบบมืออาชีพมาจากไหน เกิดจากการได้เห็นแบบจากที่ต่างๆแล้วนำมาประยุกต์สร้างขึ้นเอง
โดยใช้แรงงานชาวบ้าน และพระสงฆ์และช่างในพื้นที่ ด้วยงบประมาณสร้าง 14 ล้านกว่าบาท และเป็นงบที่ทางญาติโยมพุทธศาสนิกชนที่เคารพศรัทธาในตัวหลวงพ่ออยู่แล้ว ช่วยกันสมทบทุนสร้าง โดย ใช้เวลาสร้างตั้งวันที่ 11 ก.พ. 2560 เสร็จวันที่ 10 ก.พ. 2562 รวมระยะเวลาสร้าง 2 ปีพอดี และตั้งแต่สร้างเสร็จพบว่ามีประชาชนที่เข้ามาทำบุญจากทั่วสารทิศและต่างจังหวัด เมื่อมาถึงวัด อันดับแรกกจะต้องเดินไปดูความสวยงามวิจิตรอลังการของเมรุเผาศพแห่งเป็นอันดับแรก ซึ่งได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก
นายตรี สังข์ลาย ประธานสภา อบต.ตาอ็อง ซึ่งเป็นผู้ช่วยสร้างเมรุและกุฏิวัดสังข์มงคล กล่าวว่า ที่ผ่านมาหน่วยงานต่างๆ ทั้งกรมศิลปากร คณะศึกษาดูงานต่างๆรวมทั้งประชาชนทั้งในจังหวัดและต่างจังหวัดที่เดินทางมาดูต่างก็บอกว่าเป็นเมรุที่ใหญ่และสวยที่สุดในประเทศ เพราะมีศิลปะลวดลายที่สวยงาม หาดูที่ไหนไม่ได้อีกแล้ว ส่วนงบประมาณก็ได้จากพุทธศาสนิกชนบริจาคช่วยกันทั้งหมด
หลวงพ่อเป็นนักพัฒนาตัวจริง ได้จตุปัจจัยมาท่านจะไม่อยู่นิ่ง จะทำตลอด ท่านไม่เก็บไว้ เวลาคนมาทำบุญมาเดินดูจำนวนมาก แต่ถ้าเมรุวัดอื่นเขาจะไม่ค่อยกล้าเดินดูแบบนี้ ส่วนที่มีคนว่าห้ามชมเมรุว่าสวย ถ้าชมจะเสียชีวิต ตามโบราณเขาว่าอย่างนั้น แต่ทุกวันนี้อย่าคิดมาก ไม่มีอะไรคงที่ มีการเปลี่ยนแปลงตลอด นายตรีฯกล่าว
หลวงพ่อญา สีลวัณโณ เจ้าอาวาสวัดสังข์มงคล บ.ขยอง (ขะ-หยอง) ต.ตาอ็อง อ.เมือง จ.สุรินทร์ กล่าวว่า เมรุดังกล่าว สร้างเมื่อวันที่ 11 ก.พ. 2560 เสร็จวันที่ 10 ก.พ. 2562 รวมระยะเวลาสร้าง 2 ปีพอดี และทำบุญฉลองวันที่ 29-30 มี.ค.2562 ที่ผ่านมา ส่วนรูปแบบก็เป็นจินตนาการของตนเอง ไม่มีแบบแปลนอะไร เห็นแบบจากหลายที่หลายวัด ที่ได้ไปเห็นได้ไปดู แล้วก็เอามาดัดแปลงทำเอง พยายามทำไม่ให้คนกลัว เรื่องของเมรุ ส่วนมากจะกลัวเมรุกัน แม้แต่รถจะจอดใกล้เขายังไม่กล้าจอดเลย จะอึมครึมน่ากลัว มองเห็นปล่องควันก็น่ากลัวแล้ว จะทำยังไงไม่ให้คนกลัว คน ได้เข้าไปใกล้ ได้ไปดู ได้ไปชมไปพิจารณา เป็นแนวความคิดอีกแบบที่จะให้คนพิจารณาถึงมรณะสติ เหตุที่ต้องตายและไม่กลัวความตายกัน คนเข้ามาทำบุญก็จะไปดูตลอด เด็กน้อยก็ไม่กลัว ใครมาก็ถ่ายรูปไปดูกัน เป็นเมรุที่ใช้ประจุไฟฟ้าเผาน้ำมัน ส่วนปล่องควันก็มี เราจะซ่อนไว้ 2 ปล่อง มองเผินๆก็จะไม่เห็น ส่วนช่างก็จะเป็นชาวบ้านในชุมชนเราเอง ทั้งโยมทั้งพระช่วยกันสร้าง คนละไม้ละมือ ส่วนลวดลายก็ได้ช่างทำลายมาจาก จ.บุรีรัมย์ ใช้งบประมาณ 14 ล้านเศษ แต่ถ้าจ้างผู้รับเหมา เขาเอา 20 ล้านบาท เรามีช่างแถวบ้านพอช่วยกันทำบ้าง จ้างรายวันบ้าง ซื้อของเอง จึงถูกลงมา ชาวบ้านมาเห็นก็ว่าสวยๆกัน ส่วนมากจะมาดูเมรุก่อน จะมากราบหลวงพ่อทีหลัง เป็นกุศโลบายไม่ให้คนกลัว ส่วนการถือเคล็ดของชาวบ้านที่ว่า ถ้าเห็นเมรุสวย อย่าชมว่าสวย เพราะอาจมีอันเป็นไป ก็เป็นเรื่องของชาวบ้านบางคนที่ถือกันเอง จริงๆไม่มีอะไร จะชมว่าสวยไม่สวยก็เหมือนกัน คนกลัวเองก็พูดต่อๆกันมา ว่าอย่าชมเมรุ จริงๆก็ไม่มีอะไร เป็นเรื่องธรรมดา อยู่ที่ใจของเรา เขาก็ให้ชมอยู่ว่า เมรุงาม ใช้คำว่างามก็ได้ อย่าถือมาก ถือมากก็หนักมาก เมรุดังกล่าวก็เป็นกุศโลบายอย่างหนึ่ง ที่ตนเองอยากทำให้ชุมชน เมื่อก่อนก็เผาศพแบบเชิงตะกอน จริงๆหลวงพ่อก็อยากให้มีการเผาแบบเชิงตะกอนอยู่ เพื่อให้เราพิจารณาเห็น แต่ความคิดเห็นเรากับชาวบ้านไม่เหมือนกัน เพราะถ้าเผาแบบเชิงตะกอน มันอุจาดตา เวลาญาติพี่น้อง พ่อแม่เสีย ก็ไม่อยากจะทำ เขาเลยอยากให้ทำเมรุ ก็เลยทำ มีทุนอยู่ 5 หมื่นบาท จากนั้นก็ตอกเสาเข็ม พอลูกหลาน ญาติโยมมาเห็น เขาก็ช่วยกันเรื่อยๆมา โดยไม่ต้องทำผ้าป่าเลย ใครมาเห็นก็ช่วย มาช่วยด้วยศรัทธาจริงๆ และไม่มีการแจกซองสร้าง ล้วนแล้วแต่สร้างเพื่อให้เป็นกุศโลบายให้คนไม่กลัวความตาย ไม่ประมาทความตาย เพราะมันอยู่ใกล้เรา ให้มันอยู่ใกล้ชิดที่สุด ได้คลุกคลีกับความตายมากที่สุด คนเราไม่มีความสุข ก็เพราะความกลัว กลัวอด กลัวอยาก กลัวจน กลัวตาย ตามจริงแล้วมันมีมาก็มีผ่านไป เป็นธรรมดา พอคนเข้ามาก็ได้มาดู มาพิจารณา ได้เข้าไปชมไปเยี่ยม นอกจากนี้ปีหน้าก็กำลังคิดจะสร้างศูนย์ปฏิบัติธรรม บวชพราหมณ์ตลอดทั้งปี กำลังหางบประมาณซื้อที่นาข้างๆวัดต่อ เราไม่ได้โชว์แค่ของสวย เราต้องใช้ธรรมมะปฏิบัติสอนญาติโยมตามหลักพระพุทธศาสนาด้วย หลวงพ่อญาฯกล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า สำหรับหลวงพ่อญา สีลวัณโณ เจ้าอาวาสวัดสังข์มงคล บ.ขยอง (ขะ-หยอง) ต.ตาอ็อง อ.เมือง จ.สุรินทร์ อายุ 34 ปี เคยเป็นกระแสข่าวดังเมื่อปีที่แล้ว ที่ปลงผมกลายเป็นผลึกธาตุในช่วงวันพระ จนเป็นที่ฮือฮาไปทั่วประเทศมาแล้ว ทั้งนี้หากประชาชนต้องการเดินทางไปชมความงามของเมรุดังกล่าว ก็สามารถโทรศัพท์สอบถามเส้นทางได้ที่เบอร์ 093-5295394,093-5251252 มัคนายกวัดสังข์มงคล หรือสามารถเข้าไปร่วมทำบุญกับงานบุญมหาสังฆทานได้ที่วัดสังข์มงคล ในวันเสาร์ที่ 14 ก.ย.2562 นี้