เคลื่อนสารีระสังขาร "หลวงปู่ชุบ" ไปยังวัดวังกระแจะ ศิษยานุศิษย์รอรับจำนวนมาก
22 เม.ย. 2565, 14:22
วันที่ 22 เม.ย.65 ผู้สื่อข่าว ONB news รายงานงานว่า ที่บริเวณโรงพยาบาลพหลพลพยุหเสนา ได้มีการเคลื่อนสารีระสังขาร พระเดชพระคุณพระครูอดุลพิริยานุวัตร (หลวงปู่ชุบ ปญฺญาวุโธ) เจ้าอาวาสวัดวังกระแจะ อ.ไทรโยค จังหวัดกาญจนบุรี โดยมีรถของเจ้าหน้าที่ตำรวจท่องเที่ยว รถจาก สภ.ไทรโยค ได้นำขบวนเคลื่อนออกจากโรงพยาบาลเมื่อเวลา 09.00 น. เพื่อมุ่งหน้าไปยังวัดวังกระแจะ โดยขบวนได้ใช้เวลาเดินทางไปถึงวัดประมาณ 10.00 น.เศษ ซึ่งบริเวณหน้าทางเข้าวัดได้มีเจ้าหน้าที่ อสม. ตั้งจุดตรวจวัดอุณหภูมิผู้เดินทางเข้าไปภายในวัดอย่างเข็มงวดเพื่อป้องกันโควิด – 19
ภายในวัดได้มีเจ้าหน้าที่จากสำนักพระพุทธศาสนา คอยอำนวยความสะดวก โดยมีพระเทพปริยัติโสภณ เจ้าคณะจังหวัดกาญจนบุรี พร้อมด้วยเจ้าคณะอำเภอ และประชาชนศิษย์ยานุศิษย์ ในอำเภอไทรโยค ไปรอรับสารีระสังขาร พระเดชพระคุณพระครูอดุลพิริยานุวัตร (หลวงปู่ชุบ ปญฺญาวุโธ) เจ้าอาวาสวัดวังกระแจะ เป็นจำนวนมากโดยหลังจากขบวนได้นำสารีระสังขาร ยังศาลาด้านบน ทางคณะกรรมการ พร้อมเจ้าคณะจังหวัดได้ร่วมประชุม แล้วให้ทำการรดน้ำได้ก่อนที่จะมีน้ำหลวงพระราชทานในช่วงบ่าย เพื่อเป็นการลดการแออัดลงไปได้ก่อนที่จะถึงเวลาน้ำหลวงพระราชทานไปถึง ซึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้พระราชทานน้ำหลวงอาบศพ พร้อมด้วยหีบเชิงชายพระราชทานมาใส่สารีระสังขาร พระเดชพระคุณพระครูอดุลพิริยานุวัตร (หลวงปู่ชุบ ปญฺญาวุโธ) เจ้าอาวาสวัดวังกระแจะ นับเป็นเกียรติอันสูงสุดของวงตระกูล ของหลวงพ่อชุป ในครั้งนี้ ซึ่งทางคณะกรรมการและญาติจะตั้งศพบำเพ็ญกุศลเป็นเวลา 100 วัน ตามที่หลวงพ่อได้แจ้งกับทางญาติไว้ในช่วงที่ยังมีชีวิตอยู่
สำหรับ พระเดชพระคุณพระครูอดุลพิริยานุวัตร (หลวงปู่ชุบ ปญฺญาวุโธ) อดีตเจ้าอาวาสวัดวังกระแจะ อ.ไทรโยค ได้ละสังขารด้วยอาการสงบ ณ โรงพยาบาลพหลพลพยุหเสนา วันที่ 20 เมษายน 2565 เมื่อเวลา 20.40 น. ที่ผ่านมา สิริอายุรวม 96 ปี 74 พรรษา หลวงปู่ชุบ มีลูกศิษย์ลูกหามากมายเป็นพระนักปฏิบัติ และเคร่งในการปฏิบัติการครองสงฆ์เป็นที่เลื่อมใสอีกทั้งยังสนับสนุนด้านการศึกษาและดูแล พี่น้องประชาชนมอบเงินช่วยเหลือมอบข้าวสาร ยิ่งในช่วงที่โควิด-19 ระบาดก็ได้นำปัจจัยไปแจกจ่ายให้ชาวบ้านรอบๆ วัดมอบถุงยังชีพ อีกทั้งในวาระต่างๆ สำคัญๆ ก็จะมีผู้ที่ศรัทธาเคารพนับถือมาร่วมงานเป็นจำนวนมาก
และได้จัดสร้างวัตถุมงคลไว้มากมายและมีประสบการณ์มากมายทั้งโชคลาภ และแคล้วคลาด มีลูกศิษย์นำครอบครัวมากราบไหว้นำรถมาให้เจิมนำวัตถุมงคลมาให้จารมาเป่าเป็นสิริมงคลแต่มาในช่วงที่โควิด-19 ก็งดรับกิจนิมนต์และเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลในจังหวัด ต่อมาได้รับมหากรุณาธิคุณให้ หลวงปุ่ชุบปัญญาวุโธ เป็นคนไข้พระบรมราชานุเคราะห์ในพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ์ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10 ณ โรงพยาบาลพหลพลพยุหเสนา โดยเข้ารักษาตัวนานกว่า 2 เดือนถึงมรณภาพ ปัจจุบันสิริอายุ 96 ปี พรรษา 74 หลวงพ่อชุปเป็นพระเกจิสืบสายวิชาจากหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า ร่ำเรียนวิชาจากอาจารย์รื่น นิลแนบแก้ว เมื่อครั้งที่เปิดสำนักสักยันต์ที่ อ.บางคนที จ.สมุทรสงคราม ทำให้ได้สืบทอดวิชาการสักยันต์ ทำตะกรุดและเครื่องรางของขลังอีกทั้งยังสืบทอดวิชาสายหลวงพ่อคง วัดบางกะพ้อม จากพระมหาสิทธิการทอง วัดเพชรสมุทร จ.สมุทรสงคราม ผู้เป็นพระอุปัชฌาย์ เมื่อครั้งจำพรรษาอยู่ที่วัดเพชรสมุทร(วัดบ้านแหลม)
จัดสร้างวัตถุมงคลครั้งแรกเป็นพระผงสมเด็จหลังเสมา ปี 2510 และเหรียญรุ่นแรก คือเหรียญรูปไข่ รุ่น 1 ใน พ.ศ.2552 จำนวน 3 เนื้อ ที่ได้รับการเล่นหากันในราคาสูง และเหรียญรุ่นเจริญพร รุ่นเมตตาบารมี รุ่นรวยเจริญสุข
รุ่นพญาเต่าเรือน รุ่นไตรมาส รุ่นหนุมานบรรดาลทรัพย์ รุ่นบ้านแหลม พระผงปิดตากนกข้าง พระปิดตาแซยิด เหรียญหลวงพ่อบ้านแหลม และตะกรุดผงเหล็กน้ำพี้ เหรียญหล่อหน้าเสือ และผ้ายันต์ฯลฯ
หลวงพ่อชุบ เกิดวันศุกร์ที่ 25 มี.ค. 2469 ตรงกับแรม 8 ค่ำ เดือน 4 ปีขาล มีพี่น้องร่วมบิดามารดาทั้งหมด 5 คน มีพี่สาวต่างมารดา 1 คน เป็นบุตรคนที่ 4 ช่วงวัยเยาว์ มีความสามารถด้านศิลปะวาดเขียนมากกว่าเด็กอื่นๆ ในวัยเดียวกัน
สมัยวัยรุ่นฝากตัวเป็นศิษย์ อาจารย์รื่น นิลแนบแก้ว สำหรับอาจารย์รื่น เป็นศิษย์ของ หลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า พระเกจิอาจารย์ชื่อดังของเมืองไทย และยังเป็นพระสหายกับพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอาภากรเกียรติวงศ์ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ด้วย เข้าพิธีอุปสมบทเมื่อปี พ.ศ.2491 ที่วัดคู้สนามจันทร์ ต.บ้านปรก อ.เมือง จ.สมุทร สงคราม มี หลวงพ่อกลึง ธัมมโชติ วัดสวนแก้ว เป็นพระอุปัชฌาย์, พระอธิการเจียม เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และ พระอธิการปิ่น เป็นพระอนุสาวนาจารย์งอุปสมบท จำพรรษาอยู่วัดคู้สนามจันทร์เป็นเวลา 4 พรรษา จากนั้นย้ายไปจำพรรษาและศึกษาพระปริยัติธรรมที่วัดเพชรสมุทร และยังศึกษาสรรพวิชาเพิ่มเติมจากพระมหาสิทธิการ ซึ่งเป็นศิษย์หลวงพ่อคง วัด บางกะพ้อม ที่วัดเพชรสมุทร ด้วย ต่อมาเริ่มออกท่องธุดงค์ไปยังจังหวัดต่างๆ เช่น นครศรีธรรมราช ชุมพร ประจวบคีรีขันธ์ เพชรบุรี ราชบุรี และกาญจนบุรี พ.ศ.2505 เดินธุดงค์มาที่ จ.กาญจนบุรี ถึงถ้ำละว้า มีญาติโยมที่อาศัยอยู่ที่วังกระแจะนิมนต์ให้พักที่บ้านวังกระแจะ และสร้างกุฏิให้อยู่เป็นไม้ไผ่มุงแฝก 1 หลัง จากนั้นได้สร้างกุฏิไม้แบบถาวรให้ 1 หลัง เพื่อหาปัจจัยมาสร้างวัดวังกระแจะตามที่ชาวบ้านขอให้สร้างวัดให้เป็นวัดประจำหมู่บ้าน
หลวงพ่อชุบถือสัจจะเป็นใหญ่ เมื่อรับปากชาวบ้านและดำเนินการสร้างจนสำเร็จ พ.ศ.2513 เป็นเจ้าอาวาสวัดวังกระแจะ ต.วังกระแจะ อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี พ.ศ.2517 เป็นเจ้าคณะตำบลท่าทุ่งนา และต่อมาได้ย้ายมาเป็นเจ้าคณะตำบลวังกระแจะ
พ.ศ.2522 ได้รับแต่งตั้งเป็นพระอุปัชฌาย์ พ.ศ.2526 เป็นรองเจ้าคณะอำเภอไทรโยค
พ.ศ.2549 ได้รับแต่งตั้งเป็นที่ปรึกษาเจ้าคณะอำเภอไทรโยค
งานด้านการศึกษา มีดังนี้ พ.ศ.2498 ได้รับแต่งตั้งเป็นครูสอนพระปริยัติธรรม พ.ศ.2499 ได้รับแต่งตั้งเป็นกรรมการตรวจข้อสอบธรรมสนามหลวง พ.ศ.2501 ได้รับแต่งตั้งเป็นครูสอนบาลี พ.ศ.2513 เป็นเจ้าสำนักเรียนประจำสำนักเรียนวัดวังกระแจะ
งานสาธารณูปโภค พ.ศ.2516 สร้างอุโบสถ พ.ศ.2519 สร้างกุฏิสงฆ์ ศาลาการ เปรียญ หอฉัน หอสวดมนต์ ห้องน้ำ พ.ศ.2534 สร้างเมรุ ศาลาฌาปนสถาน และห้องน้ำใหม่ พ.ศ.2547 สร้างศาลาการ เปรียญหลังใหม่
งานเผยแผ่พุทธศาสนา พ.ศ.2524 ได้รับแต่งตั้งเป็นพระธรรมทูตเผยแพร่ทั้งในประเทศและต่างประเทศ (อินเดีย)
ลำดับสมณศักดิ์ พ.ศ.2519 ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระครูสัญญาบัตรชั้นเอก ในราชทินนาม “พระครูอดุลพิริยานุวัตร” ปัจจุบัน เป็นที่ปรึกษาเจ้าคณะอำเภอไทรโยคและเจ้าอาวาสวัดวังกระแจะ นับเป็นพระเกจิผู้มีบารมี มุ่งมั่นสืบทอด และจรรโลงบวรพระพุทธศาสนา เป็นที่เคารพศรัทธาของพุทธศาสนิกชน โดยเมื่อวันที่ 25 มี.ค.65 ที่ผ่านมาที่วัดวังกระแจะ ลูกศิษย์และชาวบ้านวังกระแจะได้จัดทำบุญใหญ่เนื่องในวันคล้ายวันเกิดของหลวงปู่ชุบ ทำกิจกรรมเพื่อสาธารณประโยชน์ต่างๆ เพื่อให้ท่านได้แข็งแรงมีสุขภาพที่ดียิ่งขึ้นแต่ก็มาถึงวันนี้ลูกศิษย์ลูกหาได้สิ้นหลวงพ่อชุป คงเหลือเพียงความดีงามที่ท่านได้สร้างไว้ และได้พร่ำสอนให้กับลูกศิษย์ลูกหา พึงปฏิบัติสืบทอดกันต่อไป
พระสมุห์วรัญญู ติกฺขปญฺโญ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดวังกระแจะ ผู้เฝ้าดูแลอาการ หลวงพ่อชุปมาตลอดจนหลวงพ่อชุปละสังขาร โดยทางพระผู้ช่วยเจ้าอาวาส แจ้งว่าท่านไม่ได้สั่งอะไรมาก สั่งเพียงว่าหากละสังขารแล้วขอให้นำร่างของท่านไปตั้งสวดบำเพ็ญกุศลยังศาลาชั้นบนที่ท่านได้สร้างเอาไว้ครบ 100 วัน จากนั้นขอให้เผาทันที ส่วนอย่างอื่นท่านได้ทำหนังสือให้กับทางคณะกรรมการของวัดไว้ทั้งหมดแล้วเช่นกัน