รวบแล้ว! แท็กซี่ข่มขืนสาวพม่าวัย 17 ซ้ำร้ายเสร็จกิจไปโรงพักแจ้งความเป็นต่างด้าว
24 เม.ย. 2565, 14:41
เมื่อวันที่ 23 เมษายน 2565 ที่ สน.หัวหมาก พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้ช่วย ผบ.ตร. ในฐานะรองผู้อำนวยการศูนย์พิทักษ์เด็ก สตรี ครอบครัว ป้องกันปราบปรามการค้ามนุษย์ และภาคประมง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (รอง ผอ.ศพดส.ตร.) เปิดเผยว่า จากกรณีที่เมื่อวันที่ 1 เมษายน 2565 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.หัวหมาก ได้รับแจ้งเหตุ นางสาวเอฯ (นามสมมุติ) อายุ 17 ปี สัญชาติเมียนมา ถูกคนขับรถแท็กซี่อ้างชื่อคนอื่นหลอกว่า จะพาไปสมัครงาน ก่อนพาเข้าม่านรูด และข่มขืนกระทำชำเรา หลังก่อเหตุคนขับแท็กซี่ดังกล่าวพาไปส่งตำรวจเพื่อแจ้งจับกุมข้อหาหลบหนีเข้าเมืองนั้น พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ รอง ผบ.ตร. ในฐานะ ผอ.ศพดส.ตร. ได้สั่งการให้ดำเนินการสืบสวนจับกุมผู้ก่อเหตุดังกล่าวโดยเร่งด่วน
พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ฯ กล่าวว่า ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการ ศพดส.ตร. ดำเนินการสืบสวนสอบสวนร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.หัวหมาก โดยจากการสอบสวนผู้เสียหายร่วมกับเจ้าหน้าที่สหวิชาชีพและล่ามแปลภาษาแล้ว ได้ทราบว่า ผู้ก่อเหตุรายนี้คือ นายอดิเรก แซ่เบ๊ อายุ 39 ปี อยู่ ต.วังหิน อ.วังโป่ง จว.เพชรบูรณ์
โดยมีพฤติการณ์ในคดีคือ ก่อนเกิดเหตุประมาณเดือนมีนาคม 2565 ผู้เสียหายได้ให้น้าสาวของตนซึ่งพูดและอ่านภาษาไทยได้ ช่วยโพสต์หางานผ่านทางเฟซบุ๊กของตน ก่อนจะมีเฟซบุ๊กของผู้ต้องหาซึ่งใช้ใบหน้าและชื่อของผู้อื่นทักมาว่า ต้องการรับเข้าทำงานและจะให้รถแท็กซี่ไปรับผู้เสียหายจนกระทั่งน้าสาวของผู้เสียหายหลงเชื่อ
ต่อมาเมื่อวันที่ 1 เมษายน 2565 นายอดิเรกฯ ได้ขับรถแท็กซี่สีชมพู ทะเบียน ทฬ - 8744 กทม. มารับผู้เสียหายจากที่พัก โดยหลอกว่าจะพาไปพบนายจ้าง น้าสาวได้ให้ผู้เสียหายขึ้นรถไปเพียงคนเดียว แทนที่ผู้ต้องหาจะพาไปพบนายจ้างตามที่กล่าวอ้าง กลับพาออกไปที่โรงแรมม่านรูดแห่งหนึ่งในซอยอินทามระ 31 อ้างว่าจะพาไปตรวจ ATK และบอกให้ผู้เสียหายพักรออยู่ภายในห้องในโรงแรมดังกล่าว ก่อนที่นายอดิเรกฯ จะกลับมาอีกครั้งประมาณ 21.30 น. โดยจับกุมผู้เสียหายใส่กุญแจมือและข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหายจำนวน 3 ครั้ง มีการถ่ายภาพขณะข่มขืนกระทำชำเราเก็บไว้ด้วยโทรศัพท์มือถือ และยังได้ลักเอาโทรศัพท์มือถือจำนวน 1 เครื่อง และเงินสด 500.-บาท ของผู้เสียหายไปอีกด้วย หลังจากก่อเหตุดังกล่าว นายอดิเรกฯ ได้ขับรถพาผู้เสียหายไปส่งที่ สน.คลองตัน โดยแจ้งตำรวจให้จับกุมตัวผู้เสียหาย เนื่องจากเป็นบุคคลต่างด้าวที่ไม่พกพาหนังสือเดินทาง ก่อนขับรถออกไป เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.คลองตัน ได้จัดหาล่ามแปลภาษามา และสอบถามจากผู้เสียหายเบื้องต้น จึงได้ทราบว่า ผู้เสียหายถูกนายอดิเรกฯ หลอกไปข่มขืนก่อนมาส่งให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจดังกล่าว ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ให้ความช่วยเหลือเบื้องต้น และได้พาไปแจ้งความที่ สน.หัวหมาก ซึ่งเป็นพื้นที่รับผิดชอบดังกล่าว
ต่อมา เมื่อวันที่ 8 เมษายน 2565 เจ้าหน้าที่ตำรวจ ศพดส.ตร. ร่วมกับ เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.หัวหมาก ได้นำหมายจับศาลอาญาที่ 685/2565 ลงวันที่ 8 เมษายน 2565 เข้าทำการจับกุมนายอดิเรกฯ ได้บริเวณแขวงอนุสาวรีย์ เขตบางเขน กทม. โดยจะดำเนินคดีในความผิดฐาน “พรากผู้เยาว์อายุเกินกว่าสิบห้าปีแต่ยังไม่เกินสิบแปดปี ไปเสียจากบิดา มารดา ผู้ปกครอง หรือผู้ดูแลโดยผู้เยาว์ไม่เต็มใจไปด้วยเพื่อการอนาจาร, ข่มขืนกระทำชำเราผู้อื่นโดยขู่เข็ญ ด้วยประการใด ๆ โดยใช้กำลังประทุษร้าย โดยผู้อื่นนั้นอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้ และได้กระทำโดยให้ผู้ถูกกระทำเข้าใจว่าผู้กระทำมีอาวุธปืน, หน่วงเหนี่ยว หรือกักขังผู้อื่น หรือกระทำด้วยประการใดให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพในร่างกาย, ชิงทรัพย์โดยมีอาวุธในเวลากลางคืน, ครอบครองสื่อลามกอนาจารเด็กเพื่อแสวงหาประโยชน์ในทางเพศสำหรับตนเองหรือผู้อื่น, มีเครื่องวิทยุคมนาคมไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต” โดยมีอัตราโทษสูงสุดจำคุกตั้งแต่ 7 ปี ถึง 20 ปี และปรับตั้งแต่ 140,000.-บาท ถึง 400,000.-บาท
จากการตรวจสอบเบื้องต้น พบว่า นายอดิเรกฯ ผู้ต้องหารายนี้ มีพฤติการณ์ในการหลอกลวงผู้หญิงที่เป็นบุคคลต่างด้าวที่มีหนังสือเดินทาง โดยอ้างว่าสามารถพาไปทำงานได้ ก่อนจะหลอกพาเข้าโรงแรมอ้างว่าเพื่อตรวจ ATK และให้อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า ก่อนจะใช้โทรศัพท์มือถือแอบถ่ายและกระทำอนาจาร และจากการสืบสวนเชื่อว่ายังมีผู้เสียหายอีกเป็นจำนวนมาก ขณะนี้อยู่ในระหว่างการสืบสวนขยายผลเพิ่มเติมอีก
พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ฯ กล่าวอีกว่า ในคดีนี้คนร้ายถือโอกาสที่เหยื่อเป็นบุคคลต่างด้าวที่ต้องการหางานทำ หลอกลวงว่าจะพาเหยื่อไปสมัครงาน ก่อนจะพาเข้าโรงแรมไปข่มขืนโดยการใส่กุญแจมือ ซึ่งผู้เสียหายเองยังเป็นเยาวชนและมีข้อจำกัดทางภาษา ประกอบกับผู้ปกครองซึ่งเป็นน้าสาวของผู้เสียหายหลงเชื่อผู้ต้องหา จึงปล่อยให้ผู้เสียหายขึ้นรถไปด้วย จึงอยากจะขอเตือนไปยังพี่น้องประชาชน เกี่ยวกับการช่วยกันดูแลบุตรหลานของตน มิให้ตกเป็นเหยื่อจากการล่วงละเมิดทางเพศ ระมัดระวังในการมอบความดูแลเด็กและเยาวชนให้กับบุคคลอื่น เพื่อมิให้เกิดเหตุสะเทือนใจเช่นนี้อีก รวมทั้งการหางานผ่านสื่อโซเชียลมีเดียต่าง ๆ ต้องระมัดระวังเป็นอย่างมาก
เนื่องจากมีการหลอกลวงหลายรูปแบบที่มีตัวอย่างเกิดขึ้นให้เห็นเป็นจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็นการหลอกลวงแอบอ้างบุคคลอื่นแล้วพาผู้เสียหายไปกระทำอนาจาร หรือการหลอกลวงไปทำงานผิดกฎหมายในต่างประเทศ จึงอยากจะขอให้มีการตรวจสอบความน่าเชื่อถือของบุคคลที่รับสมัครงานอย่างถี่ถ้วน เพื่อไม่ให้ตกเป็นเหยื่อพวกมิจฉาชีพที่ฉวยโอกาสหลอกลวงสร้างความเสียหายให้กับประชาชน
"ในการนี้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติขอความร่วมมือพี่น้องสื่อมวลชนประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนได้ทราบถึงการดำเนินการและการกระทำผิดที่เกี่ยวข้องกับการล่วงละเมิดทางเพศต่อเด็ก หากประชาชนพบเห็นการกระทำผิดในลักษณะดังกล่าว สามารถแจ้งข้อมูลมายัง ศูนย์พิทักษ์เด็ก สตรี ครอบครัว ป้องกันปราบปรามการค้ามนุษย์ และภาคประมง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศพดส.ตร.) โดยตรง ช่องทางสายด่วน 1599 หรือ www.humantrafficking.police.go.th หรือ ผ่านช่องทางเฟซบุ๊ก https://www.facebook.com/TICAC2016 หรือ LineOA : @HUMANTRAFFICKTH หรือ TWITTER : @safe_dek หรือช่องทางใหม่ล่าสุดคือ การสแกน QRCODE เพื่อกรอกแบบฟอร์มในการแจ้งเหตุและเบาะแสการกระทำผิดดังกล่าว เพื่อแจ้งเบาะแสในการปราบปรามการกระทำผิดต่อไป" รอง ผอ.ศพดส.ตร. กล่าว