วันนี้ ( 13 ก.ย.62 ) เวลา 13:00 น. ที่ห้องประชุมราชสีห์ ศาลาว่าการกระทรวงมหาดไทย นายฉัตรชัย พรหมเลิศ ปลัดกระทรวงมหาดไทย มอบหมายให้นายบุญธรรม เลิศสุขีเกษม รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานการประชุมคณะอนุกรรมการฝ่ายขับเคลื่อนการกระจายรายได้สู่พื้นที่ ครั้งที่ 1/2562 ผ่านระบบวีดิทัศน์ทางไกล (Video Conference) ไปยังจังหวัดบุรีรัมย์ นครราชสีมา ชัยภูมิ สุรินทร์ ขอนแก่น ร้อยเอ็ด มหาสารคาม ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี โดยมี ผู้แทนสำนักงานปลัดกระทรวงมหาดไทย ผู้แทนกรมการพัฒนาชุมชน ผู้แทนกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ผู้แทนกรมการท่องเที่ยว ผู้แทนกรมการขนส่งทางราง ผู้แทนกรมท่าอากาศยาน ผู้แทนกรมการขนส่งทางบก ผู้แทนการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องร่วมประชุม

นายบุญธรรม เลิศสุขีเกษม เปิดเผยว่า คณะกรรมการอำนวยการจัดการแข่งขันรถจักรยานยนต์ชิงแชมป์โลก รายการ โมโต จีพี ประจำปี 2561 – 2563  (3 ปี) ซึ่งมี พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ได้แต่งตั้งคณะอนุกรรมการฝ่ายขับเคลื่อนการกระจายรายได้สู่พื้นที่ โดยมีปลัดกระทรวงมหาดไทยเป็นประธานคณะอนุกรรมการร่วม  ทำหน้าที่จัดทำแผนการขับเคลื่อน กำกับ ติดตาม การกระจายรายได้สู่พื้นที่ตามวัตถุประสงค์ของการจัดการแข่งขัน จัดทำแผนการให้บริการ อำนวยความสะดวกให้กับประชาชนและผู้ชมการแข่งขัน โดยจะมีการจัดการแข่งขันรายการ PTT Thailand Grand Prix 2019 ในระหว่างวันที่ 4 – 6 ตุลาคม 2562 ณ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนลเซอร์กิต จังหวัดบุรีรัมย์

โดยในที่ประชุมผู้แทนจังหวัดบุรีรัมย์ นครราชสีมา ชัยภูมิ สุรินทร์ ขอนแก่น ร้อยเอ็ด มหาสารคาม ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี ได้นำเสนอถึงความพร้อมของการเตรียมการต้อนรับผู้ชมและนักท่องเที่ยวจากทั่วประเทศและทั่วโลก ซึ่งคาดว่าจะมีผู้เข้าชมการแข่งขันเดินทางเข้าสู่พื้นที่จังหวัดบุรีรัมย์และจังหวัดใกล้เคียงในช่วงระหว่างวันที่ 1 – 7 ตุลาคม 2562 ราว 2.5 แสนคน

นายดำรงชัย เนรมิตตถพงศ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์ ในฐานะฝ่ายเลขานุการคณะอนุกรรมการ กล่าวว่าจังหวัดบุรีรัมย์ มีความพร้อมในการจัดการแข่งขันฯ ทั้งในด้านการกระจายรายได้ โดยเปิดโอกาสให้ประชาชน ผู้ประกอบการผลิตภัณฑ์ OTOP นำผลิตภัณฑ์มาจำหน่าย รวมทั้งได้เตรียมความพร้อมในด้านที่พักทั้งโรงแรมและโฮมสเตย์ และจัดพื้นที่สำหรับกางเต็นท์ พร้อมระบบสาธารณูปโภค และการรักษาความปลอดภัย

ในช่วงท้าย นายบุญธรรม เลิศสุขีเกษม กล่าวเพิ่มเติมว่า ขอให้จังหวัดบุรีรัมย์และ 8 จังหวัดใกล้เคียง รวมทั้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ดำเนินการเก็บข้อมูลสถิติทั้งในด้านจำนวนนักท่องเที่ยว ที่พัก ยานพาหนะ และสินค้าผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ทั้งก่อนและหลังการจัดงาน เพื่อประเมินผลสำหรับพัฒนาการจัดงานให้ตรงตามความต้องการของผู้เข้าชมและนักท่องเที่ยว อันจะส่งผลให้เกิดการกระจายรายได้ให้กับประชาชนในพื้นที่ต่อไป